[ข่าวลุงพล] สาง ไดอารี่ Ep11 พี่มีแต่ด่า วาจาวจีกรรม


 

สาง ไดอารี่ วจีกรรม

           

          ถ้อยคำสาปแช่ง ด่าทอ ให้ร้ายฝ่ายตรงกันข้าม คือถ้อยคำบางถ้อยคำที่ต่ำตม ที่เหล่าสางได้ถุยถ่มขึ้นฟ้า แล้วมันกลับลงมารดหน้าของตัวเอง เซ็งไปตามๆ กัน เมื่อพวกเขาคิดว่าถ้อยคำที่สร้างสรรค์ เพื่อบั่นทอนฝั่งตรงกันข้าม มันกลายเป็นว่า ถ้อยคำเหล่านั้น กลับไปห้ำหั่นพวกเขาเสียเอง ตายยกฝูง


ผลกรรมจากการให้ร้าย สาปแช่งผู้อื่น อาจร้ายแรงกว่าที่คุณคิด โดยการสาปแช่งให้ร้าย มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ที่ใดมีการสาปแช่ง ที่ใดมีความอาฆาต ความพยาบาท ความมุ่งมาดให้ร้าย หรือการกล่าวโทษบุคคลอื่น แม้ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นคนชั่ว คนเลว คนไม่ดี แต่อย่างไรก็ตาม กฎแห่งกรรมก็จะทำหน้าที่ในวันใดวันหนึ่ง หรือในชาติใดชาติหนึ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราอย่าร้อนใจ อย่าทำให้ตัวเรา กลายเป็นพื้นที่การรับเคราะห์กรรม เพราะความรู้สึกอยากให้เป็นไป จำไว้ว่าบุคคลที่สาปแช่งคนอื่น หรือให้ร้ายคนอื่นนั้น ย่อมได้รับอานิสงส์ของผลกรรมอย่างรุนแรง


เมื่อเราสาปแช่ง ด่า อาฆาตพยาบาทต่อผู้ใด แล้วบุคคลผู้นั้นดวงตกอยู่ ผลกรรมตลอดจนกระแสแห่งการสาปแช่ง เล่ห์กลใดๆ ที่เกิดจากคุณไสย รวมถึงอวิชชา จะเข้าถึงบุคคลนั้นอย่างทันที และจะเป็นกรรมต่อเนื่อง จากชาตินี้ไปทุกชาติทุกภพไม่จบไม่สิ้น พุทธองค์จึงสอนว่า กรรมต้องยุติด้วยการอโหสิกรรม ถ้าคำสาป คำแช่ง คำด่า ส่งไปถึงผู้ใด บุคคลผู้นั้นไม่รับแล้วเขากำลังดวงดี พลังแห่งความดี และบุญของเขาที่มีอยู่บ้าง เป็นเกราะกำแพงแก้ว คุ้มครองตัว คำสาปคำแช่ง คำด่า ความอาฆาต ความพยาบาท จะย้อนกลับมาหาเราหนักยิ่งกว่า ทำให้เรานอนไม่หลับ ทุกข์ร้อนใจ


ดังนั้น จงนึกไว้อย่างหนึ่งว่า กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด ใครที่ทำกรรมอันใดไว้ ผลนั้นจะตอบสนองกับบุคคลนั้นเป็นแน่แท้ และอย่าลืม พยายามที่จะให้อภัยต่อผู้ที่คิดร้ายกับเรา อโหสิกรรมต่อผู้ที่ทำร้ายหรือทำลายเรา แล้วเราก็แผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลให้เขา ตัวเราก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ


เกิดมาในชีวิตนี้ หลายๆ ท่าน คงจะเคยพบเจอ กับคนที่อาฆาตแรง ชอบด่าว่า ชอบสาปแช่งคนอื่น อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน คนในครอบครัว คนรอบข้าง ซึ่งเวลาที่บางคนนั้นโกรธ หรือเกลียด หรือผิดหวัง ไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว ก็จะชอบด่าว่า ชอบสาปแช่งคนอื่นต่างๆ นานา และหลายๆ ท่าน ก็คงจะมีคำถามในใจ และเกิดความสงสัยว่า เราจะได้รับผลกรรมอะไร จากคนที่ชอบด่าว่า หรือสาปแช่งเราบ้าง แล้วคนที่ชอบด่าว่า ชอบสาปแช่งคนอื่น เขาจะได้รับผลกรรมอะไร จากการกระทำของเขา และได้รับบาปกรรม มากน้อยเพียงใด ผมมีเรื่องราว คติธรรม เกี่ยวกับการสาปแช่งคนอื่นมาเล่าให้ฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์ และเป็นข้อคิด ในการดำเนินชีวิต เรามาดูกันครับว่า คนที่ชอบด่า ชอบสาปแช่งคนอื่นนั้น เขาจะได้รับผลกรรมอะไรบ้าง


ครั้งหนึ่ง พระยาธรรมิกราชได้เข้าเฝ้านอบน้อม ต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้ทูลถามว่า คำด่าว่า และคำสาปแช่ง ของบุคคลอื่นนั้น จะส่งผลกับชีวิตของเราได้หรือไม่ และคนที่ชอบด่าว่า หรือสาปแช่งบุคคลอื่นนั้น เขาจะได้รับผลของกรรมอย่างไรบ้างพระพุทธองค์ได้ทรงเมตตาแสดงธรรม ไว้ดังนี้


การกระทำใดที่ไม่ดี การกระทำนั้น ย่อมไม่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำที่จะทำให้บุคคลอื่นนั้น เป็นทุกข์ เดือดร้อน เป็นกังวลใจ ไม่ควรทำอย่างยิ่ง และคำด่า คำสาปแช่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนา ต้องการที่จะได้ฟัง ได้ยิน ข้องเกี่ยว หรือข้องแวะ ใครที่มักจะทำตน ให้อยู่ในสิ่งไม่ดีเหล่านี้ คือ พูดไม่ดี คิดไม่ดี และชอบสาปแช่งผู้อื่นนั้น บุคคลผู้นั้น เขาก็คิดผิด และทำผิด ด้วยการกระทำของเขาอยู่แล้ว ชีวิตของเขา ก็จะถูกผูกมัด ด้วยคำสาปแช่ง คำด่า ผูกมัด ด้วยกรรมที่ไม่ดีเหล่านั้นอยู่แล้ว  ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่บุคคลผู้ที่โดนสาปแช่ง โดนด่า โดนว่า คนๆ นั้น จะมีผลต่อเขามากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับ สภาวะจิตใจของเขาด้วย ว่าเขามีสภาวะจิตใจ ที่รู้จักในการวางเฉย หรือไม่สนใจสิ่งอื่น ก็จะทำให้เขานั้น ไม่ค่อยเป็นทุกข์ แต่ถ้าจิตใจ ของบุคคลผู้นั้นอ่อนแอ ไม่สามารถที่จะเผชิญ กับปัญหาต่างๆ ได้ เขาก็จะเป็นทุกข์อย่างมาก


คำสาปแช่งนั้น จะมีผลกับเขา มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า บุคคลผู้นั้น ได้กระทำผิดจริงหรือไม่ และการกระทำผิดของเขานั้น เขามีเจตนามากน้อยแค่ไหน หรือว่าเขาไม่ได้เจตนาให้เป็นเช่นนั้น ความผิดพลาดของเขา เกิดจากอะไร ผลของกรรม ผลของคำด่า คำสาปแช่งนั้น ก็จะอยู่ก่อเกิดแก่บุคคลผู้นั้น ตามเหตุและผล ที่บุคคลผู้นั้น ได้กระทำเอาไว้ ตามเหตุตามปัจจัย หนักหรือเบา เป็นไปตามเหตุของมัน แต่จะมีผลกับเรา ผู้ที่โดนด่า โดนแช่ง มากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ สภาวะจิตใจของเรา และเหตุผลต่างๆ คือ ความตั้งใจทำ กับไม่ตั้งใจทำ ความจำเป็น หรือไม่ได้ทำอะไรเลย จึงจะมีผลไปตามระดับนั้น แต่ถ้าเกิดว่า เราไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีการตั้งใจ ที่จะทำอะไร ให้ล่วงเกินต่อบุคคลผู้อื่น คำด่า คำสาปแช่งเหล่านั้น ก็จะไม่มีผลอะไรต่อเราเลย แต่จะกลับไปหาบุคคล ผู้ที่ทำทั้งหมด และคนผู้นั้น เขาก็จะได้รับผลกรรม ในการกระทำของเขาเอง


ผลจากการ ที่เราเป็นคนเร่าร้อน เป็นคนที่มีความโกรธมาก อาฆาตแรง จนถึงขนาดสาปแช่งผู้อื่นนั้น กรรมเหล่านี้ ย่อมส่งผล มาทำให้ชีวิตของเรา ไม่มีความสุข หากว่าเราชอบด่า ชอบสาปแช่งผู้อื่น การกระทำไม่ดีอันนั้น ย่อมจะตีกลับมาหาเราเป็นแน่ ทางที่ดี เราจึงไม่ควรทำ ในสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ คำสาปแช่งของเรา อาจจะดูว่าทำไปแล้วสะใจ อาจจะดูว่า ด่าไปแล้ว แช่งไปแล้ว ทำให้เรา ได้ทำอะไรสักอย่างหนึ่งไปแล้ว และก็รู้สึกพอใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากบุคคลผู้อื่น เขาไม่ได้ผิดอะไร คำสาป คำด่า คำแช่งเหล่านั้น ก็จะกลับมาอยู่ที่เราทั้งหมด


ถ้าหากว่าเขาผิดครึ่งหนึ่ง และเราเอง ก็ผิดอีกครึ่งหนึ่ง แต่เราใช้อารมณ์ความโกรธ ความอาฆาตจองเวร ในการสาปแช่งผู้อื่นนั้น เราก็จะได้รับผลของมัน มาครึ่งหนึ่ง ของคำสาปแช่ง และยังมีกรรม จากการกระทำของเราด้วยคำพูด ยังจะส่งผล กลับมาให้เราได้รับมันอีก และถึงแม้ว่าผู้อื่น เขาจะทำผิดจริงๆ เราก็ไม่ควร ทีจะไปสาปแช่งผู้อื่น เพราะในความเป็นจริงแล้ว กรรมใดใครก่อ กรรมนั้น ก็จะเป็นของบุคคลผู้นั้น และเขาเองก็จะต้องชดใช้มันในสักวันหนึ่ง จึงไม่จำเป็นเลย ที่เราจะต้องเอาตัวของเรา ไปผูกกรรมเพิ่มอีก ด้วยการด่า ด้วยการสาปแช่งผู้อื่น เราควรมีสติ และระลึกรู้ ถึงกฎแห่งกรรมเสมอ เพราะในความเป็นจริง เราทุกคน จะอยู่ใต้อำนาจ ของการกระทำของตนเอง ไม่ว่าเราจะทำดี หรือจะทำชั่ว


บุคคลผู้อื่น เขาจะทำชั่ว หรือทำดี ชีวิตของเขา ก็จะอยู่ใต้กรรม ที่เขาได้ทำเอาไว้ เขาไม่มีทาง ที่จะหนีมันพ้นไปได้ แม้เขาจะทำผิด ทำไม่ดีก็ตาม เขาก็จะได้รับผลที่เขาทำเอง เราไม่ต้องไปด่าไปว่าเขา เราไม่ด่า เขาก็ทุกข์อยู่แล้ว เพราะชีวิตของคนเรา ยังมีทุกข์อยู่ทุกวัน ยิ่งคนที่มักจะปล่อยตนเอง ให้ทำผิด ทำพลาดอยู่บ่อยๆ ชีวิตของเขา ก็จะเจอกับความทุกข์เอง เราไม่ต้องไปด่า ไปแช่ง ไปว่าเขา เพราะการกระทำของเขา ก็ทำให้เขาทุกข์อยู่แล้ว อย่าเอาตนเอง ไปแบกรับกรรมร่วมกับเขา ด้วยคำด่า ด้วยคำสาปแช่ง จากปากเรา อย่าเอาตนไปแบกกรรมครึ่งหนึ่งของเขามา และทำให้ตนเองเป็นทุกข์มากขึ้น เพราะเขา จะต้องได้รับกรรมที่เขาทำเอง เมื่อถึงเวลา


ส่วนตัวของเรา ควรพิจารณา และตรึกตรองดูตนเองอยู่เสมอว่า ตอนนี้เรามีความโกรธมากหรือไม่ ถ้าใครทำอะไรผิดพลาดที่ไหน และรู้สึกว่า ผิดพลาดกับเรา เรายังรู้สึกโกรธ จนต้องว่าเขาหรือไม่ และจำเป็นต้องไปสาปแช่งเขาหรือไม่ เราลองตรวจดูสภาวะจิตของเราเอง ว่า เราแค่โกรธเฉยๆ ไม่ได้ด่า ไม่ได้ว่า หรือ เราด่าว่าเฉยๆ ไม่ได้แช่ง หรือ เราชอบแช่งคนนั้น คนนี้ด้วย


ถ้าเกิดว่าเรา ยังเป็นคนที่ชอบแช่งคนนั้นคนนี้ แปลว่า จิตของเรานั้น ผิดปกติอย่างรุนแรง เพราะมีแรงแห่งการอาฆาต จองเวรอยู่ในนั้นด้วย ไม่ใช่แค่เราโกรธธรรมดา เพราะฉะนั้น จงละ ลด ความโกรธนั้นเสีย ทำให้ความโกรธนั้นเบาบางลง ถ้าเกิดว่า เรายังด่าทอว่าผู้อื่น ในขณะที่รู้สึกว่า ไม่ถูกใจตน ความโกรธของเรา ก็ยังรุนแรงอยู่ ให้พยายามขัดเกลา พยายามเช็คดูตนเองให้ละเอียด แล้วเรา จะได้เป็นคนดี จะได้เป็นคนที่ไม่ต้องไปปนเปื้อน แบกรับการกระทำของใครอีก


เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเรา จะเป็นคนโดนสาปแช่ง หรือจะเป็นคนแช่งก็ตาม ล้วนแล้วแต่โดนโทษ โดนกรรมทั้งสิ้น ทางที่ดีนั้น เราอย่าไปทำอะไร ให้คนอื่นเดือดร้อน ถึงขนาดต้องโดนสาปแช่ง เราอย่าไปปล่อยจิตใจ ให้โกรธเคือง อาฆาตแค้นรุนแรง ถึงขนาดต้องสาปแช่งผู้อื่น เพราะสิ่งทั้งหลาย ที่กล่าวมานี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่งามทั้งสิ้น จงดูตัวของเราเองว่า ควรปรับปรุง ควรปรับเปลี่ยน แก้ไขอย่างไร แล้วจงไตร่ตรองดู พฤติกรรมของตนเองให้ดี ว่าไปทำอะไร ให้ใครเขาต้องเดือดร้อน ถึงขนาดต้องสาปแช่ง หรือไม่


การที่เรา ไม่ระมัดระวังตนเอง ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ทำให้ผู้อื่นนั้นเป็นทุกข์ใจ กระวนกระวาย กรรมอันนั้น ก็จะทำให้ผู้อื่น เป็นทุกข์เช่นเดียวกัน มันก็จะส่งผล มาทำให้เราเป็นทุกข์อีก ฉะนั้น จงรู้จักกฎแห่งกรรมอย่างละเอียด ว่าใครทำสิ่งใด จะได้สิ่งนั้น จงปล่อยวางกับสิ่งที่ผู้อื่นทำ จงดูแลตนเองให้มีขอบเขต ในการกระทำเพื่อตัวเรานั้น จะได้ไม่เป็นทุกข์อีก ไม่ว่าเราจะอยู่ในกลุ่มคนไหน ในรูปแบบใดก็ตาม เราก็จะพบ กับความพ้นทุกข์ และพบกับ ความสุขที่แท้จริง



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้

ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง

บอกใจไว้รอเจ็บ แท้งก่อนเกิด หลังพับเก็บความคิดฝันเข้าแฟ้มไปแล้ว