[ย้อนรอยประวัติศาสตร์] ปราสาทภูมิโปน ปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย
ปราสาทภูมิโปน
ตามรอยอารยธรรมขอมโบราณ
“สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย
ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม” นี้คือคำขวัญของจังหวัดสุรินทร์
ดินแดนอีสานใต้ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายและจากคำขวัญ “ร่ำรวยปราสาท” ที่นี่จึงมีแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณสถานที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง
เช่น กลุ่มปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราสาทศีขรภูมิแล้ว
ยังมีอีกปราสาทหนึ่งแม้จะไม่ใหญ่โต แต่มีจุดเด่นและน่าสนใจไม่น้อย
เพราะเป็นปราสาทที่จัดว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือ ปราสาทภูมิโปน ต.ดม
อ.สังขะ จ.สุรินทร์
ปราสาทภูมิโปน ตั้งอยู่ที่บ้านภูมิโปน ต.ดม
อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ปราสาทประกอบด้วยโบราณสถาน 4
หลัง คือ ปราสาทก่อด้วยอิฐ 3
หลังและศิลาแลง 1 หลัง ตั้งเรียงกันในแนวเหนือ-ใต้
หันหน้าไปทางทิศตะวันออก โดยปราสาทหลังที่ 1
ปราสาทประธาน เป็นปราสาทอิฐหลังใหญ่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด ก่อด้วยอิฐไม่สอปูนแบบศิลปะขอมรุ่นเก่า
มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีบันได ประตูทางเข้าด้านตะวันออกเพียงด้านเดียว
มียอดหลังคาลดหลั่นเป็นชั้น ๆ ปัจจุบันเหลือเพียง 3
ชั้น มีเสาประดับกรอบประตู ใต้หน้าบันเหนือทับหลังขึ้นไปสลักรูปใบไม้ม้วน
แบบศิลปะอินเดีย สมัยหลังคุปตะ (ราวพุทธศตวรรษที่ 11 – 13) ซึ่งรูปแบบและเทคนิคการก่อสร้างปราสาทประธานเทียบได้กับปราสาทขอมสมัยก่อนพระนคร
ร่วมสมัยกับปราสาทที่อยู่ด้านทิศเหนือสุด
(ปราสาทหลังที่ 4 ตามแผนผังปราสาท)
สันนิษฐานว่าปราสาทนี้น่าจะสร้างเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ลิทธิไศวนิกาย
นอกจากนี้ยังค้นพบศิลาจารึกอักษรปัลลวะ-สันสกฤต 1
ชิ้น มีใช้ในพุทธศตวรรษที่ 11 – 13
ซึ่งสอดคล้องกับอายุของรูปแบบศิลปะของปราสาท นับว่าเก่าแก่ที่สุดของไทย
ในส่วนของโบราณสถานที่สร้างด้วยอิฐหลังเล็กด้านข้าง
ปัจจุบันเหลือแต่เพียงส่วนฐานและกรอบประตูหินทราย
ส่วนฐานโบราณสถานที่สร้างด้วยฐานศิลาแลงทางด้านทิศใต้ปรางค์ประธานนั้น
ปัจจุบันเหลือเพียงฐาน สันนิษฐานว่าปราสาทหลัง 2
และ 3 น่าจะสร้างในสมัยหลังต่อมา
หลังจากสร้างปราสาทประธานก่อนแล้ว
ส่วนปราสาทอิฐห่างออกมาทางทิศเหนือสุด มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมไม่ย่อมุม ปัจจุบันเหลือเพียงฐาน
กรอบประตูทางเข้า และผนังบางส่วน
ปราสาทภูมิโปนถือว่าเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณหรือชุมชนโบราณที่มีระบบการปกครองแบบเมือง สังเกตได้จากบริเวณรอบ ๆ ปราสาทพบคูกำแพงเมือง
เขื่อนดินโบราณ และสระน้ำ โดยเฉพาะน้ำเป็นระบบชลประทานถูกออกแบบมา มีจำนวน 5
แห่ง ได้แก่ สระลำเจียก สระตา สระกนาล สระตราว และสระปรือ
ปัจจุบันพื้นที่ชุมชนโบราณเป็นที่ตั้งของชุมชนบ้านภูมิโปน
นอกจากนี้ปราสาทภูมิโปนยังเชื่อมโยงเป็นตำนานเรื่องเล่าขานท้องถิ่น
ตำนานปราสาทภูมิโปน “ เนียง ด็อฮฺ ธม ” ในตำนานกล่าวถึงกษัตริย์ขอมองค์หนึ่งได้สร้างเมืองลับไว้กลางป่าชื่อว่า
“ปราสาทภูมิโปน” ต่อมาเมื่อเมืองหลวงเกิดความไม่สงบ
มีข้าศึกมาประชิตเมือง
กษัตริย์ขอมจึงส่งพระธิดาพร้อมไพร่พลจำนวนหนึ่งมาหลบซ่อนลี้ภัยที่ภูมิโปน
พระธิดาองค์นั้นพระนามว่า พระนางศรีจันทร์ หรือ เนียง ด็อฮฺ ธม ในภาษาเขมร แปลว่า
พระนางที่มีหน้าอกงามหรือพระนางนมใหญ่ ด้วยความงามของนางที่เลื่องลือไปทั่ว
จึงเป็นที่หมายปองของพระราชาเมืองต่าง ๆ ที่ต้องการพระนางมาเป็นพระชายา
จึงเกิดศึกชิงนางขึ้น เกิดเป็นโศกนาฏกรรมและทำให้บุรุษล้มตายเพราะนางมาก
สุดท้ายพระนางศรีจันทร์ได้ตกไปเป็นมเหสีของกษัตริย์แห่งนครนายพราน (วยาธปุระ
เมืองหลวงสมัยอาณาจักรฟูนันในอดีต) ก่อนนางจะจากไปได้ขอไปอาบน้ำที่สระลำเจียก
และปลูกต้นลำเจียกไว้กอหนึ่ง พร้อมกับอธิษฐานว่า ถ้าพระนางยังไม่กลับมาที่ภูมิโปน
ขอให้ต้นลำเจียกอย่าได้ออกดอกอีกเลย ปัจจุบันสระลำเจียกยังคงมีต้นลำเจียกกอใหญ่หลายต้นและยังไม่มีดอกมาจนถึงทุกวันนี้
จากตำนานเป็นที่มาของชื่อปราสาท คำว่า ภูมิ
ในภาษาเขมร แปลว่าหมู่บ้าน หรือดินแดน คำว่า โปน แปลว่าซ่อนตัวไม่ให้ใครหาพบ
รวมกันจึงหมายถึงเมืองลึกลับ หรือที่ซ่อนรวบรวมกองทัพ ปัจจุบันตำนาน เนียง ด็อฮฺ
ธม ยังคงเล่าขานเรื่อยมา
กลายเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทภูมิโปนและวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นที่จัดแสดงขึ้นทุกปี
ผ่านการแสดงแสง สี เสียง ใน “งานประเพณีสืบสานตำนานปราสาทภูมิโปน” ณ บริเวณปราสาทภูมิโปน ต.ดม อ.สังขะ
จ.สุรินทร์ เพื่อเผยแพร่ให้ปราสาทภูมิโปนเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น