[ข่าวลุงพล] ทนายนิทัศน์ กับบทวิเคราะห์เรื่องหมายจับลุงพล


 

 

เหตุที่หมายจับพุ่งเป้าไปที่ลุงพล เพราะเป็นทางเลือกท้ายสุด  เนื่องจากเป็นแพะตัวเด่น  มีการชี้นำจากสื่อ ถ้าหมายจับไม่ลงที่ลุงพล อาจจะถูกสื่อรุมเล่นงานได้ และเป็นการยากที่จะตอบสังคม ผลจากสื่อเป็นตัวชี้นำ เพื่อสร้างเรตติ้งหรือมีอะไรบางอย่างแอบแฝง โดยอาศัยจังหวะที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องสงสัยและพยานเข้าเครื่องจับเท็จ แม้สื่อจะพิพากษาแล้ว แต่ตำรวจก็ยังนิ่งเฉย เหมือนรอจังหะหรืออะไรสักอย่าง ปล่อยให้สื่อชี้นำทางไปเรื่อยๆ ถึงจุดที่สังคมส่วนใหญ่เชื่อตาม ตำรวจจะได้ใช้จังหวะนั้นปิดเกมส์ สร้างผลงาน แม้ว่าถูกออกหมายจับน่าจะไม่ใช่ เพราะพยานหลักฐานที่ผ่านมาอ่อนมาก ฟังได้เพียงสงสัยเท่านั้น


ถ้าจะนับบุคคลต้องสงสัย มีบางคนต้องสงสัยมากกว่าลุงพล แต่ตำรวจไม่อยากเอื้อมไปให้ถึง เหมือนมีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องทำเช่นนั้น  ทำให้บุคคลนั้นเกือบถูกเลือนหายไป

ถ้าดูประวัติของลุงพลกับอีกคนหนึ่ง ใครมีประวัติที่อันตรายมากกว่ากัน คนส่วนมากที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ยากที่จะถอนตัว เพราะเงินและอิทธิพลครอบงำอยู่ คนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ตายก็ติดคุก แต่บุคคลดังกล่าว กลับไม่อยู่ในข่ายต้องสงสัย


การฆ่าคนโดยเฉพาะเด็กหญิงตัวเล็กๆ ต้องมีแรงจูงใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในกรณีน้องชมพู่ ไม่น่าใช่ประเด็นนี้ แต่อาจเกิดจากบันดาลโทสะ  หรืออุบัติเหตุ  แล้วช่วยกันปกปิด เพราะอย่างไรก็ตายไปแล้ว   จำต้องช่วยคนอยู่ อย่าลืมว่าแพทย์พิสูจน์แล้ว น้องชมพู่ไม่ได้ถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย      แต่เกิดจากการอดข้าว อดน้ำ ร่างกายไม่มีร่องรอยการทำร้าย ไม่ถูกปิดปาก ปิดจมูก มัดมือ มัดเท้า  ถ้าเกิดกรณีดังกล่าวอย่างหนึ่งอย่างใด จะมีร่องรอยปรากฏให้เห็น    ดังเช่น คนตกน้ำตาย กับคนถูกฆ่าตายแล้วไปโยนน้ำ  ทางแพทย์ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าตายเพราะอะไรกันแน่


วันที่พบศพคือวันที่ ๑๔ พค ๖๓ โดยแพทย์ยืนยันว่าตายมาไม่ต่ำกว่า ๓๖ ชม. นั้นหมายถึงตายประมาณวันที่ ๑๒ หรือ ๑๓ หาใช่ตายทันที่ในวันที่๑๑ ซึ่งเป็นวันที่หายตัวไป ก่อนตายน้องชมพู่ได้ทานไข่เจียวและน้ำส้ม ปริมาณนิดหน่อย 

ถ้าจะสงสัยลุงพล ทนายขอถามหน่อยว่าลุงพลมีเหตุจูงใจอะไรหรือ ถึงต้องฆ่าน้องชมพู่ เพราะลุงพลรักหลานคนนี้มาก ช่วยเลี้ยงมาตลอด ยามที่พ่อแม่น้องไปทำงาน พาไปไหนมาไหนเกือบทุกที  รักเสมือนลูกตัวเอง อันเนื่องมาจากลุงพลไม่มีลูกผู้หญิง   จำได้ไหมว่า เคยมีข่าวลุงพลออกปากพูดว่า ถ้าไม่อยากเลี้ยงจะขอนำมาเลี้ยงเอง  นั้นคือปริศนาคำพูดว่าใครไม่อยากเลี้ยง นั้นเอง


มีบางคนโจมตีว่าลุงพลได้ผลประโยชน์จากการตายของน้องชมพู่  อันนี้ทนายขอเถียงแทน เพราะเห็นกันชัดเจนว่า หลังน้องชมพู่ตายใหม่ๆ ลุงพลไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย ต้องหยุดงาน ต้องคอยให้ข่าว แถมมีข่าวว่าต้องไปหยิบยืมเงินจากญาติด้วยซ้ำไป   ถ้าลุงพลมีรายได้ทันทีหลังน้องชมพู่ตาย อย่างน้อยก็ต้องเผลอนำออกมาใช้บ้าง แต่ก็หามีข่าวเช่นนี้ไม่ บ้านช่องก็แทบไม่เป็นบ้าน  สื่อถึงความยากจนหนัก  

ลุงพลเพิ่งมาได้ผลประโยชน์ในภายหลัง เมื่อภาพบ้านถูกถ่ายทอดออกไป จนทำให้มีผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านให้ และมีการส่งเงินมาสมทบเรื่อยๆ พร้อมงานที่ทำให้ลืมตาอ้าปากได้


จำภาพการสาบานที่วัดได้หรือไม่  ถ้าลุงพลฆ่าน้องชมพู่ เหตุใดเมื่อตาชาญนำสาบานจบ ลุงพลจึงสาบานเพิ่ม พร้อมสาปแช่งคนที่มีส่วนรู้เห็นทำให้น้องชมพู่ตาย  ถ้าลุงพลเป็นคนฆ่า จะไปสาบานเพิ่มให้เข้าตัวเองทำไม

คำถาม หัวค่ำของวันที่ ๑๑ ใครโทรเข้ามาหาแม่น้องชมพู่  เมื่อแม่น้องชมพู่รับสาย  ได้ออกไปกับพ่อชมพู่ อยากรู้นักว่าใครโทรเข้ามา  โทรเข้ามาทำไม และออกไปพบใคร ได้พบหรือไม่ พบคุยเรื่องอะไร  พร้อมประเด็นที่ทิ้งโทรศัพท์ไว้เพื่อชาร์ตแบ็ต  และมีการโทรเข้ามาอีก เมื่อมีผู้ไปรับสาย คนที่โทรมาก็พูดจาเยาะเย้ย แล้ววางหูไป  ประเด็นหลักๆ เหล่านี้ ตำรวจได้สอบสวนเพื่อหาคนโทรเข้ามาหรือไม่ อย่างไร ทำไมจึงไม่มีการเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก


การเปลี่ยนโทรศัพท์ของแม่น้องชมพู่นั้น เป็นการเปลี่ยนที่ต้องเปลี่ยนหรือไม่  เหตุจำเป็นอะไรจึงไปเปลี่ยนโทรศัพท์ ทั้งๆ ที่เป็นเวลาไม่เหมาะสม และไม่ควรรีบเปลี่ยนอย่างยิ่ง

แก็งค์เด็กจำปา เคยให้ข่าวว่าเห็นชายคนหนึ่งมาอุ้มน้องชมพู่ในวันที่ ๑๑ โดยขณะนั้นพวกตนกำลังเล่นอยู่บริเวณต้นจำปา ต่อมาภายหลังกลายเป็นว่าเด็กกลุ่มนี้ จำวันเวลาผิด  อะไรจะจำผิดไปทั้งกลุ่ม มันน่าสงสัยไหมครับ หรือมีใครให้เปลี่ยนคำพูด



ชายต้องสงสัยที่จอดรถข้างโรงเรียนในเช้าวันที่ ๑๑ มีพยานเห็นคนหรือสองคน โดยชายดังกล่าวได้ขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน สักครู่ได้ขับออกไป โดยมีเด็กหญิงวัยเดียวกันกับชมพู่นั่งกลาง พร้อมมีชายอีกคนนั่งประกบหลังไปด้วย   เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ในเรื่องเด็กหญิงกับชายแปลกหน้า  แต่เหตุใด กลับไม่มีการสอบสวนให้กระจ่างชัดว่า ชายสองคนเป็นใคร เด็กเป็นใคร ใครเป็นเจ้าของรถ หรือว่ามีอะไรทำให้ตำรวจไม่สนใจประเด็นนี้


เอาเป็นว่าถ้าทนายเป็นตำรวจ และถูกสังคมบีบให้จับคนร้ายให้ได้ แต่เมื่อพยานหลักฐานไม่สามารถสาวไปถึงใครได้ แต่ต้องสาวให้ได้  ระหว่างคนสองคน คนหนึ่งน่าสงสัยมากกว่า อีกคนหนึ่งสงสัยน้อยกว่า งั้นจับคนสงสัยน้อยกว่า แล้วให้ไปสู้คดีหลุดที่ศาล  /ปิดคดี /มีผลงาน/สังคมไม่ด่า/ให้ศาลเป็นผู้เล่นคนสุดท้าย/ จบเกมส์

 

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

บอกใจไว้รอเจ็บ แท้งก่อนเกิด หลังพับเก็บความคิดฝันเข้าแฟ้มไปแล้ว

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้