[สาระน่ารู้] เหล็กไหล
เหล็กไหลเป็นโลหะธาตุที่มีความลี้ลับพิสดาร
แปลกประหลาดมหัศจรรย์แตกต่างไปจากโลหะธาตุทั้งปวง จึงได้ถูกจัดอยู่ในฐานะ ธาตุกายสิทธิ์ ที่มีชีวิตจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นไปตามวิบากของกฎแห่งกรรม
ที่บันดาลให้วิญญาณในสังสารวัฏมาปฏิสนธิ ในสภาวะที่เป็นโลหะธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มี
อิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติทั่วไป
ดังนั้น เหล็กไหล จึงถือเสมือนหนึ่งเป็น
สัตว์โลกที่มีชีวิต เผ่าพันธุ์หนึ่งในโลก เพราะเหล็กไหลมีทั้งตัวผู้และตัวเมีย
สามารถเคลื่อนไหวได้ เสพบริโภคน้ำผึ้งเป็นอาหาร มีการขับถ่ายออกมาได้ ซึ่งเรียกกันว่า
ขี้เหล็กไหล นอกจากนี้ยังสามารถเสพกามได้
แต่เป็นการเสพกามกันทางกระแสจิตวิญญาณ เพราะเพียงแต่มีความรู้สึกใคร่ในกามารมณ์
ก็สามารถบรรลุจุดสุดยอดได้ในทันที โดยไม่ ต้องมีการถูกต้องสัมผัสกัน
และชอบพักผ่อนหลับนอนในสถานที่สงบตามถ้ำ
เหล็กไหลจึงจัดเป็นสัตว์ที่ประเสริฐเผ่าพันธุ์หนึ่งของโลก
จัดอยู่ในจำพวกเทพ แต่เป็นเทพที่ มาชดใช้วิบากกรรมในโลกมนุษย์
ดังนั้นจึงทำให้มีพวก ยักษ์ คนธรรพ์ ครุฑ นาค คอยให้ความอารักขาอีกทีหนึ่ง
เหล็กไหลจึงมีถิ่นกำเนิด และบารมีที่แตกต่างกันไป ตามเผ่าพันธุ์และวรรณะ
ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ และสมมุติเรียกหาเพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น
เช่น
ประเภทของเหล็กไหล
เหล็กไหลนับว่าเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยเรารู้จักและมีไว้ครอบครองกันมาเป็นเวลานาน
ใครจะรู้บ้างล่ะว่าความจริงแล้วเหล็กไหลนั้นไม่ได้มีแค่เพียงชนิดเดียว
แต่ยังมีเหล็กประเภทอื่นๆ ที่แบ่งตามความศักดิ์และแหล่งที่มาอีกด้วย
๑.เหล็กไหลโกฏิปี
เหล็กไหลประเภทนี้นับว่าเป็นเหล็กไหลที่หายากมากที่สุดและมีพลานุภาพพร้อมอิทธิฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาเหล็กไหลทั้งมวล
ตัดยาก หากว่าคนที่ตัดนั้นทำพิธีตัดไม่ดีก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
รวมไปถึงการเก็บรักษาก็ทำได้ยากเช่นกัน
โดยเหล็กไหลชนิดนี้จะไม่แข็งตัวไปตามธรรมชาติ มีสีเขียวแวววาวคล้ายกับปีกแมลงทับ
อีกชื่อที่เรียกกัน คือ เหล็กไหลปีกแมลงทับ มีประกายรุ้งอยู่เหลื่อมๆ
อีกทั้งสีของเหล็กไหลชนิดนี้ที่เราเห็นจะไม่อยู่นิ่ง
สามารถเปลี่ยนสีไปเองได้เรื่อยๆ ต่อมาเรื่องของนำหนักยังไม่สามารถระบุได้
จุดแข็งตัวก็ยังระบุไม่ได้เช่นเดียวกัน
๒.เหล็กไหลเจ้าป่า
เหล็กไหลประเภทนี้นั้นมีอานุภาพใกล้เคียงกับเหล็กไหลโกฏิปี มีลักษณะคล้ายกับนิล
เป็นเหล็กไหลอีกหนึ่งประเภทที่หายากและไม่แข็งตัวตามธรรมชาติ
มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พญาสมิงเหล็ก
เชื่อกันว่าเหล็กไหลเจ้าป่านั้นจะมีเทพที่คอยคุ้มครองป่าเข้ามาคุ้มครองเหล็กไหลเจ้าป่านี้ด้วย
๓.เหล็กไหลเพลิง
เหล็กไหลประเภทนี้เป็นเหล็กไหลที่มีความแตกต่างจากประเภทอื่นๆ คือ จะมีพลังงานของธาตุไฟในปริมาณที่สูงมาก
มีสีแดงคล้ายกับเลือด เนื้อของเหล็กไหลนั้นจะออกสีใสๆ
หากเมื่อไหร่ที่เหล็กไหลเพลิงนั้นมีพลังงานที่ลดลง หรือเหลือน้อย
สีของเหล็กไหลก็จะเปลี่ยนเป็นสีคล้ายกับอิฐมอญ แนะนำว่าไม่ควรเอามาฝังไว้ในร่างกาย
เนื่องจากเป็นเหล็กไหลที่มีความร้อนสูงมาก
ว่ากันว่าเหล็กไหลชนิดนี้มีการดูดเอาความร้อนมาจากลาวาที่อยู่ใต้พื้นโลก
อีกทั้งยังดูดเอาพิษต่างๆ ของสัตว์เข้ามาอยู่ในตัวเองอีกด้วย
นอกจากนั้นเหล็กไหลชนิดนี้ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เหล็กไหลประสานกาย
๔.เหล็กไหลเงินยวง เหล็กไหลประเภทนี้มักจะอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบา
และมีอุณหภูมิที่หนาวเย็นมาก มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เหล็กไหลชีปะขาว
พบได้มากในเขตประเทศเนปาล ธิเบต
หรือประเทศที่มีภูมิอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีหิมะตก
สีของเหล็กไหลเงินยวงจะมีสีขาว มีลักษณะเป็นยวงคล้ายกับปรอท แวววาวดุจโลหะ เชื่อกันว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในเหล็กไหลเงินยวงมักจะเป็นชีปะขาว
หรือคนธรรพ์ที่คอยดูแลรักษาเหล็กไหลชนิดนี้อยู่
๕.เหล็กไหลน้ำ
เหล็กไหลประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นก้อนๆ สีดำแกมเขียวคล้ายกับสีนิล
แต่ในบางพื้นที่อาจพบเหล็กไหลน้ำที่มีสีออกน้ำตาลอมแดง มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
เหล็กไหลน้ำตา ซึ่งจะพบได้ในบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำ
ใช้แม่เหล็กในการล่อให้เหล็กไหลออกมา
แต่ก็นับว่าเป็นเหล็กไหลอีกหนึ่งชนิดที่ค่อนข้างหายาก
ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะไม่ค่อยรู้จักเหล็กไหลประเภทนี้สักเท่าไหร่ ในสมัยโบราณ
เหล็กไหลน้ำนั้นจะถูกนำมาเคี่ยวด้วยคาถาอาคม
จากนั้นก็จะนำมาหล่อเป็นวัตถุที่มีพลัง หรือหล่อเป็นพระพุทธรูป
โดยมากจะพบเหล็กไหลน้ำได้มากที่สุดที่จังหวัดหนองคาย
บริเวณภูเขาควายและถ้ำเพียงดิน
เป็นเหล็กไหลที่มีวิญญาณของพญานาคคอยปกปักคุ้มครองอยู่
๖.เหล็กไหลเปียก
เหล็กไหลชนิดนี้มีสีที่คล้ายคลึงกับเหล็กไหลเงินยวง
แต่เหล็กไหลเปียกนี้สามารถเปลี่ยนสีได้
๗.โคตรเหล็กไหลงอก
เหล็กไหลชนิดนี้สามารถแข็งตัวได้เองตามธรรมชาติ
มีความแตกต่างจากเหล็กไหลน้ำที่มีสภาพเป็นของเหลว
สำหรับโคตรเหล็กไหลงอกนั้นเป็นเหล็กไหลชั้นรอง
สามารถตัดได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้วิชาอาคมใดๆ ก็สามารถนำออกมาได้เลย
แต่จะต้องมีการทำพิธีขอเจ้าที่ที่คอยดูแลคุ้มครองเหล็กไหลด้วย
หากไม่ขอแล้วนำมาเลยอาจจะทำให้เกิดเพศภัย หรือเรื่องร้ายๆ ได้
บางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิต
๘.โคตรเหล็กไหลทรหด
เหล็กไหลชนิดนี้มีพลังและอานุภาพที่ใกล้เคียงกับโคตรเหล็กไหลงอก
รวมถึงมีการงอกเช่นเดียวกัน แต่โคตรเหล็กไหลทรหดนั้นจะงอกออกมาเป็นก้อน
ไม่ได้งอกออกมาเป็นลักษณะเหมือนกับหินงอกหินย้อย
และเมื่อเหล็กไหลงอกแล้วขนาดของเหล็กไหลก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อีกทั้งโคตรเหล็กไหลทรหดนี้ยังเป็นแร่ที่มีความเย็น หรือแร่เย็น
เหมาะอย่างมากที่จะนำมาช่วยในเรื่องการนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียร เจริญสมถกรรมฐาน
เนื่องจากว่าเหล็กไหลโคตรทรหดนี้จะช่วยทำให้รู้สึกสงบ สดชื่น
ช่วยให้จิตของเรานิ่งสงบได้นานยิ่งขึ้น
๙.โคตรเหล็กไหลย้อย
เหล็กไหลชนิดนี้มีขนาดที่ใหญามาก มีขนาดตั้งแต่เท่ากำปั้น ไปจึงเท่าโอ่ง
สีของเหล็กไหลจะเป็นสีดำอมแดง สีน้ำเงิน สีรุ้ง
มีลักษณะคล้ายกับเทียนที่ถูกลนด้วยไฟ และจะงอกออกมาได้เรื่อยๆ แต่จะงอกเป็นเม็ด
หรือเหมือนกับหยดเทียน เชื่อกันว่าวิญญาณที่อยู่ภายในเหล็กไหลชนิดนี้เป็นคนธรรพ์
เจ้าป่า พวกลับแล ส่วนวิญญาณที่ประจุนั้นจะเป็นวิญญาณของพระฤๅษีที่บำเพ็ญภาวนาจนตบะนั้นแกร่งกล้ามาก
โดยเหล็กไหลย้อยนี้พบได้มากที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
๑๐.เหล็กไหลหยด
เหล็กไหลชนิดนี้ก็จะมีลักษณะเดียวกับชื่อเรียกค้ลายกับน้ำตาเทียนที่โดนไฟลนแล้วหยดลงมา
แต่ขนาดไหม่ใหญ่เหมือนกับโคตรเหล็กไหลย่อย มีสีดำด้าน มีรูปพรุนๆ และกลวง
มีชื่อเรียกอีกชื่อหนุ่งว่า เหล็กหยด หรือเหล็กกลบ
อีกทั้งเหล็กไหลชนิดนี้ไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในประเภทของโคตรเหล็กไหล
แหละไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเหล็กไหลน้ำหนึ่งด้วย
ซึ่งเหล็กไหลหยดนั้นมีคุณภาพต่ำมาก มีขนาดหยดเท่ากับ 1
นิ้วชี้ หรืออาจมีได้หลายลักษณะ ที่เห็นได้คือมีคล้ายคลึงกับน้ำตาเทียน
บ้างมีลักษณะกลม พบได้มากที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์เช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าในสมัยนี้คนรุ่นใหม่ๆ
จะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพิธีกรรมการตัดเหล็กไหลเป็นอย่างไรและมีกรรมวิธีที่แน่นอนอย่างไรบ้าง
แต่ก็ถือว่าเป็นความเชื่อของคนรุ่นก่อนๆ ที่เราควรจะฟังหูไว้หู ไม่ควรลบหลู่
ควรฟังโดยตัดสินให้อยู่บนหลักของเหตุผล ที่สำคัญไม่ว่าเราจะทำกิจสิ่งใดก็ตาม
ควรปฏิบัติให้ดำรงอยู่บนความดีอย่างสม่ำเสมอ ไม่กระทำให้ผู้อื่น
หรือคนรอบข้างเดือดร้อน เท่านี้ภัยใดๆ ก็ไม่สามารถเข้ามาทำอันตรายต่อเราได้อย่างแน่นอน


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น