[ข่าวลุงพล] นิทานเรื่อง ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า
ชอบแนวความคิดของพี่คนหนึ่ง
ซึ่งพี่เขาได้โพสต์ลงในกลุ่มลุงพลป้าแต๋น
อ่านแล้วรับรู้ได้ถึงพลังด้านบวกที่มีต่อลุงพล พี่เขาโพสต์ไว้ว่า
หนึ่งคนเป็นผู้สร้างเกิดจากพลังศรัทธา
ในสิ่งที่มองไม่เห็นและเชื่อว่ามีอยู่จริง คนนั้นก็จะได้รับปาฏิหาริย์ ที่จะเกิดขึ้นแต่ต้องแลกมาจากความดีเท่านั้น หนึ่งคนเป็นผู้ทำลายความศรัทธาที่หลายๆ คนนับถือ บอกว่าไม่มีอยู่จริงเป็นเรื่องงมงาย
ปูนปั้นไปกราบไหว้อยู่ได้ ให้กราบไหว้พระในบ้านนี่ เราว่าต้องแยกแยะนะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับพระในบ้าน
พระในบ้านคือพ่อแม่ก็ต้องกราบไหว้อยู่แล้วผู้ให้กำเนิด
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถ้าไม่มีอยู่จริง จะมีบทสวดสัคเค ชุมนุมเทวดาด้วยทำไม ใครเป็นผู้กำหนดบทนี้หรือ เรียนเรื่องพระพุทธเจ้าดูละครเรื่องพระพุทธเจ้า
ก็เห็นมีนะตอนพระพุทธเจ้านั่งสมาธิ ฝนตกเกิดปาฏิหาริย์ มีพญานาคขึ้นมาบังฝนให้ ก็คือพญานาคที่ชื่อว่า พญามุจลินท์
ตามตํานาน ประวัติ
องค์ท้าวพญามุจลินท์นาคราช
ครั้นล่วง ๗ วันแล้ว
เสด็จไปประทับนั่งขัดสมาธิยังร่มไม้จิก
อันมีนามว่า"มุจลินท์"อันตั้งอยู่ในทิศบูรพาหรือทิศอาคเนย์
แห่งไม้มหาโพธิ์ เสวยวิมุติสุขอยู่ ณ ที่นั้นอีก ๗ วันมุจลินท์นาคราชในกาลนั้นฝนตกพรำตลอด
๗ วัน พญานาคมีนามว่า"มุจลินท์นาคราช"มีอานุภาพมาก อยู่ที่สระโบกขรณี
ใกล้ต้นมุจลินท์พฤกษ์นั้น มีความเลื่อมใสในพระศิริวิลาศ
พร้อมด้วยพระรัศมีโอภาสอันงามล่วงล้ำเทพยดาทั้งหลาย
จึงเข้าไปใกล้แล้วขดเข้าซึ่งขนดกาย แวดวงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ๗ รอบ และแผ่พังพานอันใหญ่
ป้องปกเบื้องบนพระเศียร มิให้ลมและฝนถูกต้องพระกายพระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้งล่วง ๗ วัน ฝนหายขาดแล้ว
พญานาคก็คลายขนดจำแลงกายเป็นมานพ เข้าไปถวายอัญชลีเฉพาะพระพักตร์
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานวาจาว่า
"ความสงัดเป็นสุข
สำหรับบุคคลผู้มีธรรมอันเห็นแล้ว ยินดีอยู่ในที่สงัด รู้เห็นตามความเป็นจริง
ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความปราศจากความกำหนัด
คือความล่วงกามทั้งหลายเสียได้ด้วยประการทั้งปวง เป็นสุขในโลก ความนำอัสมิมานะ
คือความถือตัวออกให้หมดไปเป็นสุขอย่างยิ่ง"
ครั้นล่วง ๗ วันแล้ว
เสด็จออกจากร่มไม้มุจลินท์ ไปยังร่มไม้เกตุ
อันมีนามว่า"ราชายตนะ"อันอยู่ในทิศทักษิณ แห่งต้นมหาโพธิ์ เสวยวิมุติสุข
ณ ที่นั้น สิ้น ๗ วัน เป็นอวสาน ในกาลนั้น ท้าวสักกะอมรินทราธิราช ทรงดำริว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้เสวยพระกระยาหารนับแต่กาลตรัสรู้มาได้ ๔๙ วันแล้ว
จึงได้เสด็จลงมาจากเทวโลก น้อมผลสมออันเป็นทิพยโอสถเข้าไปถวาย
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับผลสมอเสวย แล้วทรงสรีระกิจลงพระบังคม ทรงสำราญพระกายแล้ว
เสด็จเข้าประทับยังร่มไม้ราชายตนะพฤกษ์นั้น.
เมื่อพระพทุธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว
พระองค์ทรงใช้เวลาพักผ่อนลำพัง ๗ สัปดาห์ซึ่งเป็นการพักผ่อนในชั่วระยะเวลาอันสั้นเหลือเกินสำหรับผู้ที่ตรากตรำมานานถึง
๖ ปี การพักผ่อนของพระองค์ในครั้งนี้เรียกว่า “เสวยวิมุตติสุข” คือการได้รับความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้นจากกิเลสเรื่องเศร้าหมองใด
ๆ โดยเสด็จประทับในที่ ๗ แห่ง แห่งละ ๗ วัน
ที่มาของนาค คำที่ใช้เรียกผู้มาบวช
มีพญานาคตนหนึ่งฟังธรรมเทศนาพระพุทธเจ้าแล้วเกิดศรัทธา
จึงแปลงกายเป็นมนุษย์ขอบวชเป็นพระภิกษุ อยู่มาวันหนึ่ง เข้านอนในตอนกลางวัน
หลังจากหลับแล้วมนต์ได้เสื่อม กลายเป็นงูใหญ่จนพระภิกษุรูปอื่นไปเห็นเข้า
ทำให้พระภิกษุนาคสึกออกไป เพราะเป็นสัตว์เดรัจฉาน นาคผิดหวังมาก จึงขอถวายคำว่า
นาคไว้ใช้เรียกผู้ที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นอนุสรณ์ในความศรัทธา
พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติไว้ว่า ก่อนอุปัชฌาย์จะอุปสมบทให้แก่ผู้บวช
จะต้องถาม อันตรายิกธรรม หรือขัดข้องที่จะให้ผู้นั้นบวชเป็นพระภิกษุไม่ได้ รวม ๘
ข้อ ในจำนวน ๘ ข้อ มีข้อหนึ่งถามว่า “ท่านเป็นมุนษย์หรือเปล่า”
ก็ให้เกิดมีคำถามขึ้นในใจผมเหมือนกัน คนที่บอกว่า
พญานาคที่ลุงพลสร้างขึ้นมา มันคือลานพญางูเขียว หรือลานพญางูสิง ผมก็อยากถามท่านเหล่านั้นว่า
“ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า”

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น