[ข่าวลุงพล] ทนายนิทัศน์ ถามว่า ทำตามกฏหมายหรือทำลายศรัทธา
ทนายนิทัศน์ ถามว่า ทำตามกฏหมายหรือทำลายศรัทธา
ในคดีประชาชนมีฐานะยากจน “ตกเป็นแพะ” ชั้นงานสอบสวน มักเกิดขึ้นให้เห็นในสังคมไทย มี “ผู้บริสุทธิ์” ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำมากมาย อาจจะเกิดจากความบกพร่อง ของพยานหลักฐานไม่รัดกุมนำไปสู่ความผิดพลาดของพนักงานอัยการ ในการสั่งฟ้องคดี
“ผู้บริสุทธิ์” ถูกต้องโทษโดยที่ตัวเองไม่ได้ก่อ กลายเป็นความ “อึดอัดใจ” ที่ต้องตกอยู่ในฐานะ “ความเป็นแพะ” ผู้บริสุทธิ์ถูกจับกุมโดยที่ไม่ได้กระทำความผิด หรือที่เรียกว่า “แพะ” เกิดขึ้นมากมาย กลายเป็นเรื่อง “วิปริตของสังคมไทย” มีทั้งที่เป็นข่าวตามหน้าสื่อ และที่ไม่เป็นข่าวอีกเยอะแยะ บางคนทนความเจ็บปวด การต่อสู้คดีมายาวนาน สร้างความเดือดร้อนสารพัด
คนร่ำรวยจะเดือดร้อน ก็ต่อเมื่อเรื่องไปกระทบบุคคลมีฐานะร่ำรวยกว่า หรือบุคคลมีอำนาจมากกว่า เรื่องที่ไม่เคยเป็นคดี ก็พลิกกลับมาเป็นคดีขึ้นได้ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ เกิดจากกระบวนการยุติธรรมไทย มีอยู่ 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่หนึ่ง พนักงานสอบสวน ขั้นตอนที่สอง พนักงานอัยการ และขั้นตอนที่สาม ศาล แต่ทุกคนกลับมองไปที่ “ศาล” ในการลงโทษผู้กระทำความผิด กลายเป็น “ความเดือดร้อนของคนจน” ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
จากกการที่มีไปร้องทุกข์ กล่าวโทษ พระอาจารย์พล ในข้อหาสนับสนุนลุงพล ก่อสร้างพญานาค เป็นการบุกรุกป่านั้น
เวลานี้ชาวพุทธส่วนหนึ่ง หันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงต้องทำกันขนาดนั้น การก่อสร้างพญานาค ในที่ดินที่เคยครอบครองต่อเนื่องกันมา โดยมีการบริจาคเงินจากชาวพุทธทั่วโลก พระอาจารย์พล ไปสนับสนุนอย่างไร ตอนไหน ใครๆก็เห็นว่าก่อนจะมีการก่อสร้าง ลุงพลกับชาวบ้านส่วนหนึ่ง ไปทำการชี้จุด วัดพื้นที่ โดยพระอาจารย์พลมาร่วมชี้จุดและให้ความเห็นบ้างก็เท่านั้น
คลิปที่ถ่ายโดยกลุ่มยูทูป เห็นชัดเจนว่า พื้นที่ที่จะก่อสร้างเป็นพื้นที่ที่ปรับหน้าดินเรียบร้อย โดยก่อนหน้านี้ บนที่ดินเป็นที่ลาดจากถนนไปยังลำห้วย มีการปลูกต้นมะละกอ และพืชสวนครัว โดยมีต้นกระถินป่า เกิดแซมขึ้นมาตามธรรมชาติ เพียง ๔ ต้น
แต่สื่อหลักกลับนำคลิปภาพตอนลุงพลตัดต้นกระถินป่ามาเสนอข่าว แล้วมาพิพากษานั้นคือการบุกรุกทำลายป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชื่อกระถินป่า หาใช่แสดงว่าต้องเกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นป่าเท่านั้น ในที่ดินทั่วไปก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือการปลูกได้ ดังนั้นการเอาประเด็นการตัดกระถินป่า๔ ต้นมาฟ้องว่าลุงพลบุกรุกป่า คือการตีความกฏหมายแคบไป
ก่อนหน้านั้นที่ดินของลุงพลที่ติดกันก็มีการสร้างซุ้ม “ครอบต้นมะค่าแต้ “ แต่ก็ไม่เป็นประเด็นบุกรุกป่าแต่อย่างใด แต่พอสร้างพญานาค ไหงเป็นบุกรุกป่า ไปได้
พระอาจารย์พล กับชาวบ้านส่วนหนึ่ง ไปช่วยวัดพื้นที่ชี้จุดก่อสร้าง ที่มีการปรับหน้าดินเรียบร้อย เพียงเท่านี้แค่นั้น ถึงขนาดเอาผิดกับพระอาจารย์พล ในข้อหาสนับสนุนร่วมกันบุกรุกป่า ถ้าจะผิดก็ต้องไปเอาผิดเจ้าหน้าที่ป่าไม้และทางหลวงด้วย ที่ทราบดีอยู่แล้วจากการที่ลุงพลไปปรึกษา และไม่ว่าจากสื่อกระแสไหน ว่าลุงพลจะมีการสร้างพญานาคบนที่ดินแปลงดังกล่าว แต่กลับไม่เคยคัดค้านแถมปล่อยให้มีการก่อสร้างจนเกือบแล้วเสร็จ งั้น ถ้าจะให้เป็นธรรม ก็ต้องดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย ที่รู้อยู่แล้วว่าจะมีการก่อสร้างพญานาค แต่กลับไม่คัดค้านอย่างใด แต่จะมาเล่นงานกับพระที่ไม่รู้ “อิโหน่อิเหน่”อะไร เราชาวพุทธใจ ไม่สบายและรับไม่ได้กับคดีนี้
ทนายเห็นด้วยกับการค้นหาความจริงว่าใครฆ่าน้องชมพู่ แต่ไม่เห็นด้วยกับการไปดำเนินคดีในเรื่องอื่นๆ แถมเป็นการทำลาย ความเชื่อ ความศรัทธา ของชาวอีสาน ซึ่งนับถือพญานาค ต่อเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคน แถมยังลามไปถึงพระ ที่มีความเชื่อ ความศรัทธา ตามวิถีทางของชาวอีสานอีก
พระอีสาน นอกจากบวชเรียนตามหลักพุทธศาสนา ก็ยังมีความเชื่อในภูมิภาคที่ตนเกิดมาเป็นองค์ประกอบด้วย โดยมีรูปแบบประเพณีและพิธีกรรมต่างกันออกไป บางภาคก็นับถือศาลปู่ ศาลตายาย พญาครุฑ ไอ้ไข่ ฯ แต่ชาวอีสานส่วนใหญ่นับถือพญานาค แล้วคนภาคอื่นจะไปทำลายจิตใจคนภาคอีสานทำไม
ทนายมีเชื้อจีน ก็ยังมีความเชื่อแบบจีน ผสมกับพุทธ ดังนั้น จึงไม่อยากให้ใครมาดูหมิ่นทำลาย ความเชื่อ ความศรัทธา ในความเชื่อของบุคคลอื่น ดังนั้น การไปทำลายพญานาค การไปกล่าวหาพระ โดยอ้างหลักกฎหมาย ไม่คำนึ่งถึงความจริงหรือเจตนา เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง ชาวพุทธส่วนใหญ่รับไม่ได้จริงๆ
กกกอก มีทั้งสื่อหลักคือ ทีวี หนังสือพิมพ์และยูทูป รวมตัวกันเกือบ ๑๐๐ ชีวิต แต่การจับยาบ้า ๔ แสนเม็ด พร้อมไอซ์ ๒ กก เมื่อสองวันก่อนแทบหาข่าวไม่เจอ ทั้งๆที่ควรเป็นข่าวใหญ่ เหมือนหนึ่งว่ายาบ้าและไอซ์ ไม่เคยเกิดขึ้นในบริเวณนั้น
สื่อหลักมาเล่นแต่คลิปเล็กๆน้อยๆ โดยไม่ดูความเป็นมาให้ชัดเจน เช่นคลิปลุงพลตัดต้นกระถินป่า ทั้งที่ตัดมาเป็นเดือนแล้ว ถ้าเป็นการบุกรุก ทำลายป่า จริง มีหรือ เจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตที่ดูแลอุทยานแห่งชาติภูพานจะปล่อยให้ลุงพล ลอยนวลอยู่เป็นเดือน โดยไม่ดำเนินการอะไรเลย
สื่อไทยเป็นพวกนกรู้ รู้ว่าตนเองอยู่ ณ ถิ่นอะไร ควรเสนอข่าวหรือไม่เสนอข่าวไหน ดังนั้นข่าวยาบ้า ๔ แสนเม็ดผสมไอซ์ ๒ กก. จึงแกล้งมองไม่เห็น ทั้งๆที่ควรเห็น เข้าสุภาษิต เข้าเมืองตาหลิวต้องหลิวตาตาม
แต่สิ่งที่ชาวบ้านแถบนั้นเห็น คือเห็นอะไรที่ควรเห็น และ ไม่เห็นอะไรควรมองไม่เห็น หรือพูดอะไรที่ควรพูด หรือไม่พูดอะไรที่ไม่ควรพูด ซึ่งอาจนำภัยมาถึงตัว นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้คดีน้องชมพู่ ถึงยังจับคนร้ายไม่ได้ เพราะหลักฐานเบื้องต้นถูกทำลาย ซ่อนเร้น ไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้าพื้นที่ แถมชาวบ้านก็ปิดปากเงียบสนิท
อนิจจาลุงพล ไม่ใช่แพะแต่เป็นแกละดำ ที่เข้าทางที่สุด ดังนั้นควรนำมาสังเวย เพื่อปิดเกมส์เสียที
ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น