[ข่าวลุงพล] เหนื่อยก็พัก หนักก็วาง ปลดปล่อยบ้างก็ดี
แท้จริงแล้ว
ทุกเรื่องในโลกนี้ ล้วนมีทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดี หากเรารู้วิธีที่จะเรียนรู้กับมัน
เราก็จะมองเรื่องเหล่านั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อได้รับโอกาส ที่จะกลับมาทบทวนชีวิตของตัวเราเอง
จากเรื่องราวเหล่านั้น เพื่อที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ ที่จะหลอมความเข้าใจให้เป็นหนึ่งเดียว
ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็จะทำให้เรารู้สึกสนุกและมีความสุขได้เสมอ
ใครจะมองยังไงไม่รู้นะ แต่ผมมองว่าลุงพล
ได้ทำการตอบโต้ กลุ่มคนที่คิดร้ายกับแกทุกวันอยู่แล้ว “ตอบโต้ด้วยความสุขสนุกสนาน ตามแบบฉบับของแกนั่นแหล่ะ
แค่นี้พวกเขาเหล่านั้น ก็แทบจะกระอักเป็นเลือดแล้วล่ะครับ” ก็ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้เลยนะครับว่า
ลุงพลไม่ใช่คนร้ายและไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับคดีนี้แน่นอน ส่วนบรรดานักวิเคราะห์ ที่พยายามจะพูดชี้นำให้ลุงเป็นคนร้ายให้ได้นั้น
ก็มีแต่จะพาผู้ฟังเข้าป่าเข้าดงลงเหวตายอนาถ และถ้ายังขืนวิเคราะห์แบบฝืนหลักธรรมชาติเช่นนี้กันต่อไป
ทั้งผู้ฟังและนักวิเคราะห์ก็จะเงิบแบบซ้ำๆ ซากๆ เงิบจน fc ของลุงพลต้องถามว่า
เมื่อไหร่พวกคุณจะเลิกเงิบกันซะที อายแทน
ส่วนกรณีที่นักข่าวหญิงขอสัมภาษณ์
ในมุมมองของผม มันเป็นการตื้อมากกว่าการขอสัมภาษณ์ เพราะลุงก็บอกกับนักข่าวผู้ชายไปแล้วว่า
งดให้สัมภาษณ์สองเดือน ซึ่งนักข่าวพี่ผู้ชายคนนั้นน่ารักมากแกก็เข้าใจ
การที่ลุงเลือกที่จะไม่สัมภาษณ์ออกสื่อ
เพราะว่าเรื่องบางเรื่อง เราไม่สามารถควบคุมมันได้
บางทีก็คงได้แต่รอผลของมันเท่านั้น ดังนั้นเมื่อลุงรู้ว่า มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจควบคุมมันได้
บางทีให้สัมภาษณ์อีกแบบหนึ่ง ออกข่าวอีกแบบหนึ่ง ลุงอาจคิดว่าควรปล่อยวางและทำใจ
เพราะความพึงพอใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าจะหวังให้ทุกคน พอใจในสิ่งที่เราทำ
ก็จะมีแต่เหนื่อยเปล่า ดังนั้นสิ่งที่ลุงพยายามแต่เขาไม่แคร์ ก็คงต้องปล่อยมันไป
ทุกข์ใจไปก็ไม่มีประโยชน์
การที่ลุงพลเลือกที่จะหันหลังให้สื่อ
มันเหมือนเป็นนัยยะสำคัญแล้วว่า แกไม่อยากให้มีปัญหา ดรามาใดใดเกิดขึ้นในแต่ละวัน
คำตอบที่ดีที่สุด คือการเงียบเท่านั้น จนกว่าจะจับคนร้าย มาดำเนินคดีได้

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น