จดหมายเปิดผนึก จากทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ถึงท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ


 


จดหมายเปิดผนึก จากทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ถึงท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

กราบเรียน  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่เคารพอย่างสูง

 

คดีน้องชมพู่ ที่มีสื่อบางฉบับยืนยันว่า จะมีการออกหมายจับผู้ต้องหา ภายในไม่เกิน ๑๕ กพ ๖๔ถ้าหมายจับออกมาในช่วงระยะเวลาดังกล่าวจริง ทนายอยากตั้งคำถาม ต่อท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เหตุใดสื่อมวลชนบางฉบับ จึงทราบข่าวดังกล่าวล่วงหน้าเป็นเดือน เหมือนกับว่าเข้าไปเป็นคณะทำงานสืบสวนสอบสวนด้วย จึงกล้ายืนยันถึงกำหนดการ วันที่จะออกหมายจับอย่างชัดเจน การสืบสวนและสอบสวน เป็นความลับของทางราชการ เจ้าพนักงานตำรวจที่ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับคดี ไม่มีอำนาจเข้ามายุ่งเกี่ยว กับสำนวนการสืบสวนสอบสวนได้



เหตุใด เมื่อมีข่าวยืนยันออกมาจากสื่อบางฉบับ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือทางพนักงานสืบสวนสอบสวน หรือท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงไม่ออกมาแถลงหรือชี้แจงว่า เหตุใดข่าวจึงหลุดออกมานานขนานนั้นได้อย่างไร ข่าวนั้นจริงเท็จเพียงใด เจ้าพนักงานตำรวจคนใด เป็นคนทำให้ข่าวดังกล่าวหลุดออกมา เพราะการปล่อยให้มีข่าวหลุดเป็นผลร้ายต่อผู้ต้องสงสัย อาจทำให้หลบหนี หรืออื่นๆ ได้ 


การเสนอข่าวชี้นำเป็นเวลานาน ย่อมไม่ใช่การนำเสนอข่าวแบบปกติ แต่เห็นได้ชัดเจนว่าผิดปกติอย่างมาก ทำให้ประชาชนที่อ่านเจอคล้อยตามการชี้นำของสื่อ เสมือนว่าผู้ต้องสงสัย เป็นผู้กระทำความผิดจริง ปกติถ้าเป็นข่าวหลุดก็จะหลุดเพียงไม่กี่วัน หาใช่หลุดแบบให้สื่อชี้นำเป็นเดือนๆ นั้นหมายความว่า เป็นข่าวที่ต้องการปล่อยออกมา เพื่อให้สื่อสร้างกระแสอันชอบธรรมที่จะออกหมายจับใช่เช่นนั้นหรือไม่ ทนายสงสัยยิ่ง



คดีบุกรุกป่าสงวน ครอบครองไม้หวงห้ามของลุงพล เห็นชัดเจนว่าไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า แต่เป็นความผิดเกิดจากการกล่าวโทษ ดังนั้น เหตุใดเจ้าหน้าที่ที่ไปที่บ้านลุงพล จึงใช้วิธีเชิญลุงพลไปสถานีตำรวจ และให้เจ้าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทันที โดยให้การประกันตัวออกไป   ทำไมจึงไม่ออกหมายเรียกก่อน  เพื่อให้ลุงพลได้เตรียมตัวต่อสู้คดี เตรียมทนายความเพราะลุงพลมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์ว่าจะหลบหนี หรือเป็นคดีอาญาร้ายแรง การใช้วิธีการดังกล่าว เป็นที่สงสัยของประชาชนจำนวนมาก ว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย หรือตามแรงกดดันจากกระแสสื่อ หรือมีอะไรแอบแฝงในคดีกันแน่



แถมเวลานี้ ก็มีการกล่าวโทษไปยังบุคคลอื่นอีกว่า เป็นผู้สนับสนุนบ้าง ผู้ร่วมกระทำความผิดบ้าง   ดังนั้น ควรจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวโทษคนอื่นๆ    เจ้าพนักงานตำรวจผู้มีอำนาจสืบสวน สอบสวนคดี  ทำการสืบสวนสอบสวนให้แน่ชัดเจนเสียก่อนว่า  มีการกระทำความผิดจริงหรือไม่  ใครเป็นผู้กระทำผิด  หาใช่มีการกล่าวโทษ แล้วดำเนินการจับกุมแจ้งข้อกล่าวหาทันที่  เหมือนกับว่าการกล่าวโทษ  มีความผิดตามการกล่าวโทษเกิดขึ้นจริง  เจ้าพนักงานตำรวจจึงรีบปฏิบัติตามทันที่ โดยไม่มีการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจนเสียก่อน   อันนี้ทนายมองว่า เป็นการไม่ถูกต้องรวบรัดเกินไป 



การกล่าวโทษในความผิดอาญาแผ่นดิน โดยบุคคลผู้ไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงต้องมีการสืบสวนสอบสวน  ให้แน่ชัด ก่อนที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ  แต่นี้เหมือนกับว่าเจ้าพนักงานตำรวจรีบดำเนินการ  โดยไม่มีการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ใช้วิธีไปเชิญตัวมาที่สถานีตำรวจแล้วแจ้งข้อกล่าวหา    อันนี้ทนายเฝ้ามองดูวิธีปฏิบัติ ของเจ้าพนักงานตำรวจในวันนั้นด้วยความเป็นห่วงว่า เกิดอะไรขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม อันมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นขั้นที่ ๑ อัยการเป็นขั้นที่ ๒ และศาลเป็นขั้นที่ ๓  หรือมีสื่อเป็นขั้นที่ ๑ แทนตำรวจไปแล้ว อันนี้ทนายล้อเล่นนะครับ



ทนายหวังว่า ก่อนวันที่ ๑๕ กพ ๖๔ นี้ ไม่น่าจะมีการออกหมายจับ เพราะนั้นเป็นการยืนยันว่า ความลับในการสืบสวนสอบสวน ถูกนำไปแจ้งแก่สื่อบางคน หรือสื่อบางคนเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนสอบสวน  อันเป็นการกระทำที่ผิดต่อหน้าที่และกฏหมาย   ไม่ใช่เป็นข่าวหลุดแต่เป็นการจงใจให้สื่อสร้างข่าวออกมา  ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ควรต้องชี้แจงให้ประชาชนหายสงสัยในประเด็นนี้ด้วยครับ



ด้วยลักษณะท่าทีคำพูด ของท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทนายเชื่อว่าท่านพยายามติดตามจับกุมผู้กระทำผิดตัวจริง ถึงยอมให้คดีล่าช้า ไม่ต้องการจับแพะนั้นเอง  เหตุมาจากขาดพยานหลักฐานที่ชัดเจน  ดังนั้นแม้สังคมจะบีบคั้น  หรือสื่อจะชี้นำเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจจับคนร้ายให้ได้เสียที    แต่ถ้าเป็นการจับเพื่อจบปัญหา และผู้ถูกจับไม่ใช่คนร้ายตัวจริง แต่เป็นคนร้ายตามกระแสสื่อหรือมีอะไรอยู่เบื้องหลัง ถ้าไม่เกิดกับใคร ก็ไม่รู้ว่ามันคือนรกทั้งเป็น อย่าทำแบบนั้นเลยครับ ทุกวันนี้ผู้บริสุทธิ์ที่ตกนรกทั้งเป็นมันก็มากพอแล้ว



ดังนั้นทนายจึงกล้าคาดว่า น่าจะไม่มีการออกหมายจับตามที่สื่อชี้นำ เพราะถ้าสื่อสามารถชี้นำเจ้าพนักงานตำรวจได้ เท่ากับกระบวนการยุติธรรมล่มสลาย   

ท้ายนี้ ทนายอยากขอความเป็นธรรมให้กับบุคคลอื่นอีกหลายๆ คน ที่เขาไม่ได้มีส่วนขัดแย้งกับใครบางคน ขอปล่อยพวกเขาให้ดำเนินชีวิตไปตามปกติ เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวดำรงชีวิตตามปกติต่อไป  พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่พวกอาชญากร  แต่เป็นชาวบ้านธรรมดาที่หาเลี้ยงชีพเพื่อตนเองและครอบครัว  ทนายขอความกรุณามองข้ามเขาเหล่านั้น ด้วยใจเมตตาปราณี ให้อภัย คิดถึงครอบครัวเขาที่จะได้รับความเดือดร้อน  อันเกิดจากเข้าไปเกี่ยวข้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น   



วิถีชีวิตชาวบ้านนอกเขาก็ลำบากอยู่แล้ว หากินเล็กๆ น้อยๆ มีรายได้พอประทังตน จากอาชีพสุจริต จะกลายเป็นผู้ต้องหา ด้วยช่องว่างของกฎหมาย อันเป็นระบบกล่าวหา มันน่าสงสารจริงๆ ครับ

นักรบที่ยิ่งใหญ่ เป็นตำนานให้คนเล่าขาน ต้องรบกับศัตรูที่เหมาะสม แต่นี้เหมือนสิงโตหนุ่มรบกับลูกแกะน้อย มันเทียบกันไม่ได้ ทำไปก็ไม่มีใครสรรเสริญเยินยอว่าเป็นเจ้าแห่งราชสีห์  ถ้าต้องการเป็นเจ้าแห่งราชสีห์ให้คนจดจำเป็นตำนาน         ป่าแหว่ง เชียงใหม่ น่าสนใจกว่า หรือปาวีณาก็เหมาะสม   ด้วยความเคารพครับ

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล  ๑ กพ ๖๔  ภูเก็ต




ความคิดเห็น

  1. น่าคิดนะครับทานทนาย

    ตอบลบ
  2. ยังงั้นต่อไปพวกทำผิดกฎหมายเล็กน้อยเช่นโขมยที่ทำเพราะไม่มีจะกินก็จะได้รับความเมตรายกเว้นใช่ใหมคุณทนาย

    ตอบลบ
  3. สุดยอดค่ะท่านทนาย สู้ๆ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้

ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง

[คติธรรม] คมธรรมของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ