[ข่าวลุงพล] ทนายนิทัศน์ขอโทษทุกท่าน
ทนายนิทัศน์ขอโทษทุกท่าน
ตามที่ทนายเคยเอ่ยปากว่าอยากไปกกกอก แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน
เป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะว่าทนายที่รับคดีลุงพลได้ไปที่กกกอกแล้ว การที่ทนายจะขึ้นไป
เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำมันเป็นภาพที่ไม่ดี ทนายต้องขอโทษหลายๆ ท่านในเหตุนี้ด้วย
แต่ในส่วนลึกทนายก็เป็นห่วง องค์พญานาคกับพระอาจารย์พล
รวมทั้งชาวบ้านบางคน แต่ด้วยมารยาทของวิชาชีพแล้ว ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าให้กำลังใจ
และหวังว่าปัญหาอุปสรรคต่างๆ คงผ่านพ้นไปได้
สำหรับคดีน้องชมพู่ ในรูปคดีทนายจะไม่ขอก้าวล่วง เพราะเป็นการผิดมารยาททนายความ
แต่ก็ขอสรุปประเด็นสั้นๆ นิดหน่อย ทนายเชื่อว่า ถ้าลุงพลตกเป็นผู้ต้องหาทางคดีคงแก้ต่างได้
เพราะพยานหลักฐานเท่าที่ติดตามมา เป็นเพียงพยานแวดล้อม แถมรับฟังไม่ได้
เพราะถ้ารับฟังได้ คดีคงไม่ยืดยาวมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนเครื่องจับเท็จ ไม่ใช่ประจักษ์พยาน ไม่ใช่พยานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือนิติเวช
เป็นแค่เครื่องมือประมวลผล ที่พิสูจน์เพียงว่า สงสัยใครให้การเท็จหรือไม่เท็จเท่านั้น
และอะไรคือจริงอะไรคือเท็จ ยากที่จะรับฟังได้
เนื่องจากพยานแต่ละคนให้การคนละหลายรอบ
จึงเป็นการให้การจริงผสมเท็จ
เมื่อเข้าเครื่องจับเท็จ จริงก็อาจเป็นเท็จ เท็จก็อาจเป็นจริงได้ สรุปคือ รับฟังอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น
องค์พญานาคเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิคู่บ้านคู่เมืองของคนอีสาน
ขนาดสื่อหลักสมัยก่อนยังไม่กล้าเสนอข่าวในเชิงลบ แต่วันนี้คนต่างถิ่นกลับจะมาทุบทำลายทิ้ง
เหมือนกับดูหมิ่นความเชื่อ ความศรัทธาของคนอีสาน แต่สำหรับตนเองมีพฤติกรรมแปลกๆ แทบจะรับไม่ได้
กลับจะให้คนอื่นเชื่อตาม
ใครจะนับถือพญาครุฑ ไอ้ไข่
ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ดังนั้น การที่คนอีสานนับถือองค์พญานาค
มันผิดตรงไหน คนอีสานไม่เคยไปดูถูกพญาครุฑหรือไอ้ไข่
แถมบางส่วนก็ยังนับถือพญาครุฑและไอ้ไข่ เห็นคนอีสานเดินทางมาไหว้ไอ้ไข่เยอะแยะไป
ทนายมีสิ่งหนึ่งที่คิดอยากจะทำอย่างมาก แต่ไม่รู้จะทำได้สำเร็จหรือไม่
แต่จะพยายามลองทำดู คือปกป้ององค์พญานาคไม่ให้รื้อ
ไม่ให้ทุบ แถมไม่ให้ย้าย ให้คงอยู่ ณ จุดกำเนิด เพื่อเป็นอนุสรณ์ความหลังว่า
ครั้งหนึ่ง ณ บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร เกิดอะไรขึ้น
ถึงมีการสร้างองค์พญานาค เพราะอีกไม่นานคนรุ่นเก่าก็ตายไป
คนรุ่นใหม่ก็เกิดขึ้นมา ดังนั้น ตำนานเด็กหญิงชมพู่
สู่องค์พญานาค จะคงอยู่คู่บ้านกกกอก อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ตลอดไป
ทนายอยากจะฝากภารกิจสำคัญแก่พี่น้องชาวอีสาน รวมทั้งคนบ้านกกกอก
กกตูม มุกดาหาร ให้ปกป้ององค์พญานาคนี้อย่าให้ทุบทำลาย
ทนายอยากจะยกคดีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงเมื่อปี ๒๕๖๐ หรือ ๒๐๑๗ ณ
จังหวัดภูเก็ตให้พี่น้องชาวอีสานได้รับทราบไว้ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนา แต่เป็นการสร้างสถานศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอื่น ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
โดยไม่เคยขออนุญาตจนแล้วเสร็จ
ต่อมามีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่า เป็นการก่อสร้างในป่าสงวนแห่งชาติ
ผิดทั้งการก่อสร้าง ผิดทั้งไม่ได้ขออนุญาต ผิดทั้งสร้างในเขตป่าสงวน แต่ท่านทราบไหม
เมื่อเรื่องนี้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา
ทางราชการได้เข้ามาแก้ไข อย่างไร
๑.
จับดำเนินคดีฐานก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
๒.
จับฐานบุกรุกทำลายป่า
๓.
สั่งให้รื้อถอน
เปล่าครับ
ทางราชการไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ก่อสร้างแม้แต่คดีเดียว โดยเหตุผลว่า เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ดังนั้น ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
หรือป่าไม้ก็ไม่แน่ใจ
ก็เลยทำหนังสือยินยอมให้ใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้ เรียกว่ายกเลิกความผิด แถมอนุญาตให้ใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย
ที่ดินดังกล่าวมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ไร่
รัฐยังแก้ปัญหาด้วยหลักทางปกครอง ไม่เอากฎหมายมาดำเนินคดีกับประชาชน เหมือนกับคดีสร้างองค์พญานาคบนที่ดินนิดหน่อย
มันทำร้ายจิตใจกันเกินไปหรือไม่ คนกกกอก
กกตูม มุกดาหาร และคนอีสานคิดเอาเองก็แล้วกัน
ภารกิจถ้าทนายอยากจะทำคือ ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร
เอาตัวอย่างคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ตมาเป็นตัวอย่างเทียบเคียง อยากจะรู้ว่าผู้ว่าจะว่าอย่างไร
ถ้าผู้ว่าไม่กล้าทำอะไร ก็ร้องไปยังกรมป่าไม้ หรือรัฐมนตรี หรือนายกฯ ดูซิว่า
คำตอบจะออกมาแบบไหน คนอีสานก็เป็นคนไทย
ดังนั้นก็ควรได้รับความเสมอภาค ในการใช้กฎหมายเหมือนคนภาคอื่น ยกเว้นว่าเขาเกรงใจคนภาคอื่นหรือศาสนาอื่น นั้นหมายถึงความเชื่อ ความศรัทธา
ของคนอีสานถูกท้าทาย พวกท่านคนอีสานจะยอมหรือไม่ครับ ส่วนทนายจะช่วยพวกท่านเท่าที่ทำได้
ไม่สู้ก็คือแพ้ สู้ไม่แพ้ก็ชนะ งั้นไปคิดเอาเองครับพี่น้องชาวอีสานที่รัก
ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ศุกร์
๕ กพ ๖๔
กรุงเทพมหานคร

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น