[ข่าวลุงพล] เนื้อแท้ภายใต้หน้ากาก ที่ถูกกระชากด้วยมือของเขาเอง


 

เนื้อแท้ภายใต้หน้ากาก ที่ถูกกระชากด้วยมือของเขาเอง

 

เราเคยพูดเสมอว่า ไม่ชอบชีวิตที่ต้องใส่หน้ากากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หน้ากากทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น อีกกรณีหนึ่งเราอาจจะคิดว่าเป็นคนทำอะไรตรงๆ 100% แต่ก็ไม่วายที่บางเรื่องต้องดัด แอ๊บ ปกปิด หรืออำพราง ซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด จิตวิทยาการใส่หน้ากากตามสถานการณ์ เพียงแต่คุณต้องฉลาดพอที่จะใช้ถูกตามบริบทเท่านั้นเอง


 1.มารยาททางสังคม

คุณไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง 100% แน่นอน หากอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อม ที่มีคนจับตามองกันและกัน หากคุณยังคาดหวัง ให้อีกฝ่ายปฏิบัติกับคุณแบบมีมารยาท แม้ว่าวันนี้มันน่ารำคาญแค่ไหน  ก็จงมอบมารยาทที่ดีตอบแทนด้วยเช่นกัน ดังนั้นการทักทาย เดินเหิน การกินไปจนถึงการกล่าวลา ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยแบบแผนอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีทางที่จะหลุดจากกฎนี้ได้ นอกเสียจากคุณต้องอยู่คนเดียว


 2.พูดตรง พูดไม่คิด และกักขฬะ มันไม่เหมือนกัน

ในความพูดตรงของเรา ควรพิจารณาบริบทรอบด้าน คำนึงถึงผล และผู้ฟัง ถึงแม้อยากพูดตรงแค่ไหน ก็ควรคิดให้รอบคอบก่อนพูดออกไป หลายครั้งคุณให้เหตุผลเข้าข้างตัวเองทำนองว่า คนเกลียดเราเพราะว่าเราพูดตรงแต่หากคำพูดมันเสียดแทง ไม่สร้างสรรค์ รังแต่จะสร้างความแตกแยกรุนแรง นั่นอาจจะไม่ใช่คำพูดของคนจริงใจ มันคือคำพูดไร้มารยาทจากคนคิดน้อย ต้องแยกให้ออก


 3.บทส่งท้ายของความโกรธ

แม้ว่าโกรธจนตัวสั่นงกๆ แต่ถ้าคุณไม่รีบเปลี่ยนโหมดเป็นนางฟ้า แล้วโวยวายสติหลุด สังคมจะตัดสินว่าคุณคือ ตัวร้ายทันที แม้ว่าคุณจะเป็นฝ่ายถูก แต่คะแนนโซเชียลจะถล่มคุณยับ


4.สวามิภักดิ์

เส้นทางทุกเส้นทางมีกำแพง ไม่ควรเดินดุ่มๆ ชนให้เจ็บตัว ถ้าของเราไม่แรงจริง เมื่อถึงคราวเดินอ้อมก็อ้อมไปบ้าง คราวที่ต้องเผชิญกับหน้าอินทร์หน้าพรหม ต่อให้ไม่ถูกชะตาไม่ถูกจริตสักแค่ไหน ก็ลู่ตามลมแสร้งว่าไว้ก่อน รอยามตะวันส่องมาค่อยแสดงอิทธิฤทธิ์


5.กลยุทธ์อำพรางความคิด

อย่าพูดทุกอย่างที่คิด แต่จงคิดก่อนพูดหลายสถานการณ์ที่เรายังไม่ชัวร์ เราจำเป็นที่จะต้องกั๊กของไว้กับตัวเองก่อน เหมือนกับเวลาเราเล่นไพ่แล้วต้องทำหน้านิ่งเฉย ไม่ให้ใครรู้ว่าเรามีไพ่อะไรอยู่ในมือ รอดูสถานการณ์ รอดูอีกฝ่าย เตรียมทุกอย่างให้พร้อม มั่นใจแล้วจึงฮุคหนัก


6.แกล้งไม่รู้

แม้ว่าจะรู้ดีขนาดไหน ให้ลดความฉลาดลงบ้าง บางทีการทำตัวใสๆ ซื่อๆ ก็ทำให้เรารอดจากการเพ่งเล็ง โดดเด่นมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นอย่าโชว์ภูมิไปเรื่อย เชื่อเถอะยังไงคนฉลาดด้วยกันเขาดูกันออก


 7.ไหลตามน้ำ

ทำตัวให้เหมือนต้นไผ่แล้วชีวิตเราจะสงบร่มเย็น ต้นไผ่แม้จะโดนพายุฝนกระหน่ำเท่าไหร่ ก็ไม่ถอนรากถอนโคน เพราะสามารถลู่ไปตามลม เช่นเดียวกับชีวิตคน กระแสสังคมจะพัดพาคุณไปมา คุณต้องรู้จักโอนอ่อนผ่อนปรนในบางกรณี

            อีกหนึ่งบทความดีดี ของพี่โซดา น้ำ ที่ตอกย้ำความคิด จิตใจ ของคนที่เรารู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ

 

เรื่อง เนื้อแท้ภายใต้หน้ากาก ที่ถูกกระชากด้วยมือของเขาเอง

 

ก่อนที่จะคิดคบหากับใครสักคนหนึ่ง ผมเคยนึกตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่า ผมจะทราบได้อย่างไร ว่าภายใต้หน้ากากที่เขาผู้นั้นได้สวมใส่อยู่ จะดูสวยงาม เหมือนกับที่ผมกำลังมองเห็นอยู่นี้หรือไม่ แล้ววันหนึ่งผมก็ได้รับคำตอบ โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องดิ้นรนไปคิดหาคำตอบจากที่ไหน เพียงแค่ปล่อยให้กาลเวลา ดำเนินไปตามธรรมชาติของมันสักระยะหนึ่ง เขาผู้นั้นก็จะค่อยๆ เอามือแง้มหน้ากากที่สวมใส่อยู่ออกมาทีละนิด จนกระทั่งเปิดเผยให้เห็นใบหน้าแท้จริงของเขาในที่สุด     

  

เช่นเดียวกับเพื่อนสมัยเรียนของผมคนหนึ่ง ที่ต้องถือว่า เป็นผู้ที่มีหน้ามีตาในโรงเรียนคนหนึ่งเลยทีเดียว และนับว่า เป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีงาม ในด้านของการเป็นจิตอาสา โดยที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งชมรมที่ตั้งชื่อเสียยาวเหยียดว่า ชมรมเพื่อการช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่โดนเพื่อนๆ รังแกซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจกับชื่อเต็มๆ ของชมรมนี้เท่าใดนัก เอาเป็นว่าเป็นชมรมที่ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนก็แล้วกัน    


จากบทเรียนที่ผมเคยมองคนผิดพลาดเมื่อครั้งอดีต ทำให้ผมยังไม่ปักใจเชื่อกับภาพลักษณ์ของเพื่อนผู้นี้เท่าใดนัก แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะมองเพื่อนผู้นี้ในแง่ลบ เนื่องจากว่าเขาก็ไม่ได้ทำให้ผมหรือใครๆ  ต้องเดือดร้อน ซึ่งหากจะว่าไปตามจริงแล้ว เจตนาของเขาก็นับได้ว่า เป็นเรื่องที่ดีงามเสียด้วยซ้ำ ที่มีการตั้งชมรม ที่คิดจะให้ความช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ซึ่งถือว่า เป็นเรื่องที่สมควรจะได้รับการอนุโมทนาสาธุเสียมากกว่า    

 

จนกระทั่งกาลเวลาได้ล่วงเลยมาสักระยะหนึ่ง ผมก็เริ่มมองเห็นความผิดปกติทางด้านจิตใจของเพื่อนผู้นี้ เพราะมันส่อให้เห็นถึงความอาฆาตพยาบาทที่รุนแรงมาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผู้คนปกติธรรมดาจะลอกเลียนแบบกันได้ง่ายๆ จากการที่เขาเคยกล่าวหาเพื่อนรุ่นน้องในโรงเรียนคนหนึ่ง ว่าเป็นผู้ที่ลงมือฆ่าลูกแมวของญาติตัวเอง โดยการที่เขาได้ป่าวประกาศให้เพื่อนๆ ในโรงเรียนได้รู้ทั่วกัน เขาก็เลยถูกรุ่นน้องคนนั้นนำเรื่องนี้ไปฟ้องกับครูใหญ่ ซึ่งก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบและดำเนินการกันอยู่ และนับจากวันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ผูกใจอาฆาตพยาบาทรุ่นน้องคนนั้นมาโดยตลอด    


และแล้วช่วงเวลาของการแก้แค้นก็มาถึง เมื่อรุ่นน้องคนนั้น เกิดนึกอยากจะปั้นมังกรขึ้นมาสักตัวหนึ่ง ตามความเชื่อและความศรัทธาส่วนตัวของเขาเอง และเพื่อจะได้เอาไว้ประดับตกแต่งบริเวณพื้นที่ของสวนหย่อม โดยที่รุ่นน้องคนนี้อาจจะลืมนึกในเรื่องที่ว่า ได้ทำสิ่งนี้ขึ้นภายในบริเวณเขตพื้นที่ของโรงเรียน  ฝ่ายครูน้อยใหญ่ที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้น ต่างก็พูดชมเชยไม่ขาดปากว่าสวยงามดี ไม่เห็นมีใครสักคนจะออกปากทักท้วงแต่อย่างใด แม้แต่เพื่อนของผมที่ผูกจิตอาฆาตเจ้ารุ่นน้องคนนี้ ก็ไม่ได้ปริปากพูดถึงเรื่องดังกล่าว จนกระทั่งรุ่นน้องคนนั้น ได้ลงมือปั้นรูปมังกรจนเกือบจะแล้วเสร็จ      


แล้วจู่ๆ เจ้าเพื่อนของผมก็ได้นำเรื่องนี้ไปฟ้องครูใหญ่ ว่ารุ่นน้องได้อุตริทำเรื่องเช่นนี้ ภายในพื้นที่ของโรงเรียน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎบางข้อที่ทางโรงเรียนได้ตั้งขึ้น โดยที่มีเพื่อนๆ ที่เป็น fc และสมาชิกชมรมของเขาจำนวนหนึ่ง ได้รับมุกชูมือสนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างเต็มที่ ถึงตรงนี้ก็เลยทำให้คุณครูพลันฉุกคิดขึ้นได้ว่า มันมีกฎข้อนี้บรรจุอยู่ในข้อบังคับของโรงเรียนจริงๆ เสียด้วย      


เมื่อเรื่องราวได้เลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้ แม้ว่าทั้งครูและนักเรียนส่วนใหญ่จะรู้สึกเสียดาย เพราะเป็นรูปปั้นที่สุดแสนจะวิจิตรงดงามตระการตา ที่ถูกปั้นขึ้นด้วยความมุ่งมั่นและบริสุทธิ์ใจของรุ่นน้องคนนั้น ซึ่งต่อให้ใครก็ตามที่ผ่านมาเห็น ก็ล้วนแล้วแต่จะเกิดความสบายตาสบายใจ นอกเสียจากกลุ่มนักเรียนที่จิตใจมืดบอดจำนวนหนึ่ง และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาได้ตั้งใจจะส่งมอบให้เป็นสาธารณะสมบัติของโรงเรียนแห่งนี้ แต่ก็ถูกขัดขวางจากรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกัน ที่ได้สวมหน้ากากนักบุญ ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา แต่จิตใจกลับคุกรุ่นไปด้วยความอาฆาตพยาบาทอย่างแรงกล้า          


แล้วในที่สุด เพื่อนผมคนนี้ ก็ได้กระชากหน้ากากที่ตัวเองได้สวมใส่อยู่ จนเผยให้เห็นใบหน้าของปีศาจด้วยมือของเขาเอง ส่งผลให้ทั้งครูและนักเรียนส่วนใหญ่ของโรงเรียนแห่งนี้ ได้มองเห็นภาพอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งกันแล้วว่า ที่ผ่านมาพวกเขาได้มองเพื่อนผมคนนี้แค่เพียงเปลือกนอก ทว่าสิ่งที่แฝงเร้นอยู่ภายในใจลึกๆ ของเขานั้น กลับถูกเคลือบฉาบไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต อันเกิดขึ้นจากสภาวะทางจิตที่บิดเบี้ยวของเขานั่นเอง      


แต่ในเมื่อกฎก็ต้องเป็นกฎ หลังจากนี้ถ้าทางโรงเรียนจะมีมาตรการอย่างไรกับรุ่นน้องคนนั้น มันก็คงเป็นเรื่องที่จะต้องคอยจับตามองกันต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจะมีหนทางแก้ไขได้ไม่ยาก คือให้รุ่นน้องคนนั้นดำเนินการต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ แล้วทำการส่งมอบให้เป็นสาธารณะสมบัติ ที่เชิดหน้าชูตาของทางโรงเรียน โดยมอบหมายให้นักการภารโรงเป็นผู้ดูแลรักษากันต่อไป หรือเลือกที่จะตัดสินใจในอีกหนทางหนึ่ง นั่นก็คือตัดสินลงโทษผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานที่งดงามชิ้นนี้ขึ้นมา ตามความต้องการที่สุดแสนจะวิปริตของเพื่อนผมคนนี้         


หลังจากนี้ก็คงจะต้องจับตาดูกันอย่างใจจดใจจ่อ ว่าครูใหญ่จะยอมถูกประณามจากผู้คนส่วนใหญ่ของโรงเรียนแห่งนี้ โดยทำตามความประสงค์ของนักเรียนผู้น่าจะมีอาการป่วยทางจิต หรือจะยอมผ่อนปรนให้กับเจตนาที่ดีงามของนักเรียนรุ่นน้องคนนั้น สำหรับผมและนักเรียนคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของครูใหญ่ เพียงแต่อยากจะฝากคำพูดสักประโยคหนึ่ง ให้ท่านได้ตรึกตรองและฉุกคิดสักนิดหนึ่งว่า


 

   ท่านจะนำกฎเกณฑ์มาใช้ควบคู่กับหลักจริยธรรมได้หรือไม่ ถ้าท่านยืนกรานว่าไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ ก็ขอให้ท่านพิจารณายกเลิกการเรียนการสอน วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของ หลักจริยธรรม ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย

โซดา น้ำ 5 กุมภาพันธ์ 2564

 



 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา