[พุทธสถาน] “วัดป่าลาน” #มณฑปพระนอน


 #มณฑปพระนอน

“วัดป่าลาน”
มณฑปพระนอนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนไม่กี่แห่ง ที่เป็นหลักฐานสำคัญอันแสดงให้เห็นถึงร่องรอย ถิ่นฐานของชาวไทเขินป่าลานในอดีต งานสถาปัตยกรรมแห่งนี้ตั้งอยู่บ้านป่าลาน ตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ การก่อร่างสร้างมณฑปพระนอนไม่มีระบุหลักฐานและอายุของโบราณสถานอย่างแน่ชัด แต่มีการบูรณะในราว พ.ศ.๒๕๑๐-๒๕๒๐ สมัย พระครูบาตั๋น สนฺตจิตฺโต ด้วยการเปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาดินขอใหม่ ต่อมามีบูรณะด้วยการรื้อซุ้มด้านทิศตะวันออกของมณฑปออกและมีการทาสีขาวผนังด้านนอกและติดกระเบื้องปูพื้นตกแต่งฐานชุกชีหรือแท่นแก้วบางส่วนในโถงมณฑป


รูปแบบสถาปัตยกรรมของตัวมณฑปพบได้ในศิลปกรรมของกลุ่มไทลื้อ-เขิน ตัวมณฑปมีขนาด ๔ เหลี่ยมจตุรัส ประกอบด้วยฐานบัวคว่ำ ผนังด้านนอกทิศเหนือและใต้มีหน้าต่างลูกมะหวดหรือลูกกรงไม้ ด้านบนมีบัวหงายคั่นด้วยลวดบัวกับหน้ากระดานบนรับโครงหลังคา รูปทรงหลังคาซ้อนกัน ลดรูปขึ้นไป ๔ ชั้น ยอดมณฑปประกอบด้วยปลีและฉัตร ช่องคอหลังคาซ้อนกันมีประติมากรรมไม้แกะสลักรูปพรรณพฤกษาและลายประแจจีน รูปทรงหลังคาที่ซ้อนชั้นมีความคล้ายคลึงกับมณฑปข้างวิหารวัดบ้านแง่ก เขตเชียงตุง ตัวมณฑปด้านทิศตะวันตกมีซุ้มทางเข้าสู่ตัวโถง ด้านทิศตะวันออกมีร่องรอยซุ้มประดิษฐานพระมหากัจจายนะ โดยได้ถูกรื้อออกเนื่องจากความทรุดโทรมของตัวซุ้ม สภาพมณฑปในปัจจุบัน ผนังอาคารด้านนอกหลุดลุ่ยมีความชำรุดบางส่วนปรากฏให้เห็นโครงสร้างอิฐของตัวอาคาร





ภายในโถงมณฑป มีประติมากรรมปูนปั้นรูปพระพุทธไสยยาสน์ ตั้งอยู่ตรงกลางบนฐานชุกชี ๓ แนบชิดกับผนังอาคารทั้ง ๓ ด้าน ประดับงานปูนปั้นด้วยวิธีการจิ๋น ประกอบด้วยลวดลายพรรณพฤกษา ลายฐานบัวและลายจุดไข่ปลาและประดับแก้วจืน ฐานชุกชีบางส่วนมีการซ่อมแซมและใช้กระเบื้องปูนพื้นฉาบติดขึ้นมาใหม่ โครงสร้างเพดานเป็นแผ่นไม้ขนาดใหญ่เรียงติดกันเต็มโถงเพดาน โดยมีขื่อไม้ขนาดใหญ่รองรองรับ ขื่อไม้มีการเกลาลบเหลี่ยม แกะสลักลวดลายดอกตรงกลางและด้านข้างทั้งสองด้าน ทั้งนั้นพบว่ามีการใช้น้ำมันปิโตรเลียมดิบ(ขี้โล่)ทารักษาเนื้อไม้เพดาน และบนเพดานในอดีตเป็นพื้นที่ใช้เก็บพระพุทธรูปไม้เมื่อมีการสร้างถวายจากผู้ศรัทธา


ฝาผนังภายในโถงอาคารมีร่องรอยภาพจิตรกรรมเขียนสี ด้วยการใช้พื้นที่ประกอบพิธีกรรมด้านต่างๆ ก่อให้จิตรกรรมฝาผนังทั้งด้าน ๓ ด้านเลือนรางหายไปเป็นส่วนมาก ภาพจิตรกรรมที่คงเหลือเป็นภาพพระพุทธรูปปางต่างๆ เขียนด้วยสีดำ แดง เหลือง ดังพบภาพจิตรกรรมฝาผนังด้านทิศตะวันออก ผนังส่วนบนมีรูปอดีตพุทธะเรียงเป็นแถวประกอบด้วยเครื่องราชกกุธภัณฑ์ และขาดหายเป็นบางจุดคงเหลือเพียงลายเส้นสีดำและชัดเป็นบางจุด ผนังด้านทิศใต้ ผนังด้านบนมีรูปอดีตพุทธะเรียงรายไปจนถึงผนังด้านทิศตะวันตก นอกจากนี้ยังพบภาพจิตรกรรมคล้ายคลึงพระอัครสาวกยืนเรียงแถว โดยภาพเขียนสีมีความขาดหายไม่ต่อเนื่องและเลือนรางไม่ชัดเจน และผู้เขียนสันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมผนังส่วนกลางน่าจะเป็นเรื่องราวพุทธประวัติฉายภาพยุคสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน


ภาพจิตรกรรมฝาผนังด้านบนถูกออกแบบให้สอดคล้องกับวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนา โดยให้พระพุทธรูปปางไสยยาสน์เป็นภาพแทนพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน และภาพจิตรกรรมพระพุทธเจ้าหลายองค์เป็นภาพแทนอดีตพุทธเจ้า ดังปรากฏในวรรณกรรมพื้นถิ่นในแถบนี้ ดังเช่น โสตัตถกี พุทธวงส์ เป็นต้น ส่วนผนังส่วนกลางถูกออกแบบให้เล่าเรื่องพุทธประวัติ และชาดกต่างๆ ในยุคสมัยของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ทั้งนี้จะพบว่าการสร้างมณฑปมิเพียงสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อทำหน้าที่ประดิษฐานพระพุทธไสยยาสน์อย่างเดียว ทว่ายังทำหน้าที่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สนองความต้องการในการประกอบพิธีกรรมทางจิตวิญญาณในระดับโลกิยะ และนำเสนอเรื่องราวของพระพุทธเจ้าผ่านจิตรกรรมฝาผนัง รวมถึงการออกให้มณฑปด้านทิศตะวันออกเป็นซุ้มประดิษฐานพระมหากัจจจายนะเถร แสดงถึงการให้ความสำคัญกับเรื่องราวคัมภีร์พระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด และแสดงถึงสถานะของวัดเป็นศูนย์กลางสำหรับศึกษาบาลีไวยากรณ์ในอดีต ทั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าภาพจิตรกรรมมิได้ถูกเขียนขึ้นมาอย่างลอยๆ หรือปราศจากความสัมพันธ์กับคัมภีร์แต่อย่างใด


ในส่วนของพระพุทธรูปไสยยาสน์หรือพระนอน มีลักษณะไสยยาสน์พระวรกายตะแคงขวาแนบกับฐานชุกชี หันพระพักตร์ไปทางด้านทิศตะวันตก พระพาหาข้างขวาพับขึ้นพระหัตถ์แนบชิดราบติดพระกรรณ มิได้รองรับพระเศียรและมีพระเขนยหนุนรับพระเศียร พระพาหาซ้ายทอดยาวแนบชิดกับพระวรกาย พระบาทแนบชิดเสมอกัน
ศิลปกรรมของพระพุทธไสยยาสน์ พบได้ในกลุ่มสกุลช่างไทลื้อ-เขิน สังเกตได้จากโครงพระพักตร์ มีความละม้ายกับพระประธานวัดหนองโหลง และพระเจ้าโหลงวัดน้ำยื้อ เมืองลา และมีความคล้ายคลึงกับพระพุทธไสยยาสน์ วัดนันทาราม ตำบลหายยา เชียงใหม่ ซึ่งเป็นย่านชุมชนของชาวไทเขินในอดีต รูปแบบประติมากรรมเป็นปูนปั้นลงรักปิดทอง พระเมาลีหรือพระรัศมีเป็นรูปทรงดอกบัวซ้อนกลีบประดับด้วยแก้วจืนและเดินเส้นด้วยการปั้นสมุกคลุกรักและลายเส้นจุดไข่ปลา บนสังฆาฏิมีลวดลายสมุกคลุกรักประดับด้วยแก้วจืน และริ้วจีวรมีการเดินเส้นสมุกคลุกรักเป็นแนวจีวร





คติการสร้างพระพุทธรูปไสยยาสน์หรือพระนอน พบว่ามีการสร้างขึ้นมาให้สอดคล้องกับคติพระพุทธเจ้าขณะปรินิพพานในมหาปรินิพพานสูตรมากกว่าปางพุทธไสยยาสน์โปรดอสุรินราหู เบื้องต้นพอจะอนุมานได้ว่าพระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นให้สอดคล้องกับคติการปรินิพพานของพระพุทธเจ้า และให้สัมพันธ์กับองค์พระเจดีย์ห้ายอด ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตก คติดังกล่าวได้คล้ายคลึงกับพระพุทธไสยยาสน์ของวัดนันทารามที่หันพระพักตร์สัมพันธ์กับองค์เจดีย์ ทว่าต่างกันเฉพาะตำแหน่งทิศของพระพุทธรูปเท่านั้น


อย่างไรก็ตามมณฑปหลังนี้ถูกสร้างขึ้นบนฐานความเชื่อคติทางพระพุทธศาสนาของกลุ่มชาวไทเขิน โดยทั้งนี้จะพบว่ารูปแบบสถาปัตยกรรมมีการไหลมาจากมาตุภูมิของตนสู่การสร้างสรรค์บนพื้นที่ใหม่ เพื่อกำหนดอาณาบริเวณของกลุ่มชาวไทเขินหรือเขตวัฒนธรรมของตน จากการทบทวนงานเอกสารพบว่าชาวไทเขินกลุ่มนี้มีการอพยพมาจากเมืองเชียงใหม่อีกระลอกหนึ่งหลังจากการกวาดต้อนในรัชสมัยพระเจ้ากาวิละ อีกประการหนึ่งอพยพมาติดต่อค้าขาย จากนั้นจึงรวมกลุ่มกันก่อตั้งถิ่นฐาน ร่วมกันสร้างวัดขึ้นบริเวณป่าต้นลาน จึงเรียกนามวัดและบ้านว่า “ป่าลาน” ภายหลังมีการกระจายตัวไปตั้งถิ่นฐานในบริเวณใกล้เคียง เช่น ชุมชนบ้านไร่ป่ารวก ชุมชนบ้านไร่ป่าหญ้าก่อน เป็นต้น โดยผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายและทำเกษตรกรรม


เงื่อนไขของช่วงเวลาและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมก่อให้เกิดการกลืนกลายและปรับเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านภาษา ความเชื่อ การแต่งกาย เป็นต้น มณฑปพระนอน ถือเป็นประจักษ์หลักฐานสำคัญ ต่อการทำความเข้าใจรากเหง้าของผู้คนในท้องถิ่น และบริบทสังคม แหล่งที่มา รวมถึงเป็นรอยประทับแห่งความรุ่งโรจน์พระพุทธศาสนาของบรรพชนในอดีตที่ถูกส่งทอดมา
การธำรงรักษาอย่างถูกวิธีเป็นหัวใจสำคัญที่สืบต่อลมหายใจของบรรพชนให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการศึกษาอย่างรอบด้าน การดูแลรักษา การบูรณะ การปฏิสังขรณ์และการฟื้นฟูบนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง อันก่อให้เกิดการจัดการมรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้ด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม :
ประวัติวัดป่าลาน, ม.ป.ป.
ฐาปนีย์ เครือระยา, พัฒนาการของรูปแบบไม้พื้นถิ่นและความเชื่อเกี่ยวกับเรือนไทเขินเปรียบเทียบระหว่างเมืองเชียงตุง สหภาพพม่ากับอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่, ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภูมิภาคศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๕๓.
เกรียงไกร เกิดศิริ, ชุมชนกับภูมิทัศน์วัฒนธรรม, กรุงเทพมหานคร : อุษาคเนย์, ๒๕๕๑.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา