[ข่าวลุงพล] หมายเรียกหรือหมายจับ


 

หมายเรียกหรือหมายจับ

 

(๑)คำพิพากษาโดยประชาชน   (๒)ผู้ต้องสงสัย  (๓)ผู้ต้องหา (๔) จำเลย (๕) นักโทษ (๖) ผู้บริสุทธิ์

ใครอยากตกเป็นอะไร เลือกเอาเองในระหว่างข้อ ๑ ถึง ข้อ ๖

 

ลุงพอใจ อย่าเข้าใจว่าเป็นลุงพล  เวลานี้ มีคำพิพากษาโดยประชาชนส่วนใหญ่ว่าเป็นฆาตกรฆ่าเด็ก โดยมีสื่อเป็นผู้ชี้นำให้ประชาชนคล้อยตามว่าเป็นฆาตกรตัวจริง   ส่วนตำรวจก็หยิบยื่นคำว่าผู้ต้องสงสัยให้กับลุงพอใจ      แม้ประชาชนส่วนใหญ่  สื่อมวลชน  และตำรวจ  จะมีคำพิพากษาหรือคำว่าผู้ต้องสงสัย ให้กับลุงพอใจในข้อหาฆาตกร  แต่นั่น ก็เป็นเพียงคำพิพากษา  หรือคำว่าผู้ต้องสงสัย  โดยประชาชน สื่อมวลชนหรือตำรวจ


ไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด  ลุงพอใจไม่ต้องไปประกันตัวที่ศาล  ไม่ต้องมีทนายความ  ไม่ต้องพิมพ์ลายนิ้วมือ ๑๐ นิ้ว  ไม่ต้องให้ปากคำในฐานะผู้ต้องหา   คือไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนใครจะนินทาให้ร้ายก็ช่างหัวมัน  ได้กอดเมียได้หอมลูก  ไม่ต้องสนใจพวกให้ร้าย


การที่จะนำลุงพอใจ  ไปเป็นผู้ต้องหามี ๒ วิธี  (๑) หมายเรียก (๒) หมายจับ  แต่จะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ  ผลก็ไม่แตกต่างกัน  เพราะเมื่อลุงพอใจไปพบตำรวจตามหมายเรียก  ต้องประกันตัว( เพราะเป็นคดีมีข้อหาร้ายแรง ตำรวจคงไม่กล้าปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักประกัน)  พิมพ์ลายนิ้วมือ ๑๐ นิ้ว ให้ทนายความหรือผู้ไว้วางใจเข้าร่วมในการสอบสวน  ถูกตำรวจแจ้งข้อหา และสอบคำให้การว่าจะให้การหรือไม่ให้การก็ได้       


หรือตำรวจอาจไม่ให้ประกันเพราะเป็นคดีร้ายแรงและอยู่ในความสนใจของประชาชน  จึงควบคุมตัวไว้เพื่อฝากขังที่ศาลภายใน ๔๘ ชั่วโมง  ส่วนศาลจะให้ประกันหรือไม่ให้ก็เป็นอำนาจของศาลเอง   ดังนั้นนับแต่วันที่ไปตามหมายเรียกของตำรวจ  ต้องเตรียมเงินไม่ต่ำกว่า ๕ แสน  ทนายความไปด้วย และลุ้นว่าจะได้ประกันตัวหรือไม่ได้ประกันตัว  จะให้การหรือไม่ให้การอย่างไร ถูกแจ้งข้อหาอะไรบ้าง


ถ้าโชคร้ายสุดๆศาลอาจไม่ให้ประกันตัวและถูกนำส่งเข้าไปในเรือนจำ  ฝึกกินข้าวกล้องผสมแกลบ  วันละ ๒ มื้อ  รอญาติหรือทนายมาเยี่ยม  ประมาณบ่ายแก่ๆก็เข้าห้องพัก  เวลานอนก็นอนตะแคง พลิกซ้ายขวาไม่สะดวก  ลุกไปเยี่ยวกลับมาหาที่นอนไม่เจอ   ต้องตื่นตี ๕ ถ้ามีเงินก็สามารถซื้อข้าวในเรือนจำกินได้  แบบให้ใช้ได้วันละไม่เกิน ๓๐๐ บาท บุรีเป็นของมีค่า แถมต้องทำงาน ล้างห้องส้วม หรืออื่นๆ


ดังนั้นมีคนถามทนายว่า  เมื่อตำรวจเข้าจ้องจะออกหมายจับลุงพอใจ  และอาจไม่ได้ประกันตัว  ควรเรียกร้องให้ตำรวจเขาออกหมายเรียกแทนหมายจับได้หรือไม่    ทนายตอบสวนกลับทันทีว่า  ว่าหมายอะไรก็ถือว่าเป็นผู้ต้องหาเท่าๆกัน   และเสี่ยงที่จะได้หรือไม่ได้ประกันตัวเหมือนกัน   พร้อมความฉิบหายที่ตามมา


ทางที่ดีอย่าให้มีหมายมาถึง   เพราะถ้าตกเป็นผู้ต้องหาไม่ว่าตามหมายเรียกหรือหมายจับ  เท่ากับขาข้างหนึ่งอยู่ในคุก  หมดเครดิต  หมดเงินหมดทอง   อาจจะหมดคนช่วยเหลือ แถมกลายเป็นดาราตกกระป๋องไม่มีใครจ้าง  ไม่มีรายได้   อาจขายทุกอย่างเพื่อเอาเงินมาสู้คดี   แถมมวลชนอีกฝ่ายรุมซ้ำเติม  ถ้ากระแสโจมตีแรงไปเรื่อยๆ อาจทำให้ศาลไขว้เขวในการพิจารณาคดีได้   เรียกว่านรกทั้งเป็นอย่างน้อย ๕ ปี จนกว่าคดีจะสิ้นสุด


ทางแก้ของทนายเป็นอย่างไร  มีคนหนึ่งยกมือถามขึ้น  ทนายตอบกลับก็อย่าตกเป็นผู้ต้องหา ชี้แจงให้สังคมและตำรวจเห็นว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด   ไม่ยอมให้ตำรวจเอากระแสปั่น มาเป็นข้ออ้างในการตั้งข้อหาเอาผิดทางอาญา


หลังจากเป็นผู้ต้องหาแล้วทำไมจึงถึงเรียกว่าจำเลย  ยังมีคนสงสัยว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร  ทนายตอบมันก็เหมือนๆกัน  แต่ผู้ต้องหาหมายถึงอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวนและอัยการ   ส่วนจำเลยหมายถึงคนที่ถูกฟ้องต่อศาลแล้ว อยู่ระหว่างการสู้คดีหรือพิจารณาคดี


แล้วนักโทษกับคนบริสุทธิ์   เขานับกันตอนไหน   ทนายอธิบายว่า  นักโทษก็คือคนที่ศาลพิพากษาให้แพ้คดีถูกลงโทษจำคุก  ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ  รอวันอภัยโทษหรือรับโทษจนครบและถูกปล่อยออกมา  ส่วนคนบริสุทธิ์  นั้นหมายถึงศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง   แต่ถือว่าเคยเป็นผู้ต้องหา  เป็นจำเลยมาก่อน แถมต้องเข้าไปนอนในคุกไม่มากก็น้อยกว่าศาลจะให้ประกันตัว     ส่วนใครอยากจะเป็นแบบไหน  ก็เลือกเอา    คนที่ฉลาดจะไม่เลือกทุกประเภท   แต่คนที่ฉลาดตามมา ก็อาจเลือกเป็นผู้ต้องหาตามสังคม หรือเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย   ไม่มีใครโง่ยอมเป็นผู้ต้องหากับตำรวจ  แล้วกลายเป็นจำเลย ต่อมากลายเป็นนักโทษ หรือผู้บริสุทธิ์     ส่วนใครชอบแบบไหนก็เลือกกันตามสบายครับ

ทนายนิทัศน์  ประเสริฐเนติกุล  เสาร์ ๒๐ กพ  ๖๔  กทม...




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

บอกใจไว้รอเจ็บ แท้งก่อนเกิด หลังพับเก็บความคิดฝันเข้าแฟ้มไปแล้ว

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้