[ข่าวลุงพล] บทความดีดี ของทนายสมเกียรติ โรจนวรกมล ในวันที่สื่อเป็นผู้ทำลาย


 

ในวันที่สื่อเป็นผู้ทำลาย

 

เพราะการสื่อสารในสังคมวันนี้ เราต่างก็ถูกทำให้กลายเป็น พลเมืองดิจิทัล ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการสื่อสาร การบันทึกร่องรอยในโลกไซเบอร์ยุคดิจิทัล แม้จะสร้างความก้าวหน้าหลายประการ ตั้งแต่การประมวลผล สร้างความเจริญขนาดใหญ่โต ซับซ้อน จนถึงการสืบค้นเข้าถึงอาชญากรรม ช่วยดูแลความสงบให้สังคม


การโจมตีทางภาษา จะมีตั้งแต่เบาบางจนถึงก้าวร้าว หยาบคาย ขึ้นอยู่กับภูมิหลัง นิสัย และความรู้สึกของแต่ละคน คล้ายๆ เป็นเกมส์ที่ยิงกันด้วยวาจา อาจยิงโดยคนคนเดียวหรือเป็นหมู่คณะ ซึ่งในเพจใหญ่ๆ หรือเพจเป้าหมาย อาจมีพี่เลี้ยงคอยประกบ เพื่อส่งแรงยุหรือดันเกมให้หนักขึ้น


กลุ่มเป้าหมายจะไม่รู้ตัวว่า ถูกปั้นให้เป็นทหาร กลับมีความรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้รู้ ผู้เข้าใจ ผู้กล้า ที่ยึดหลักความถูกต้อง โดยผลลัพธ์ที่ผู้ใช้อาวุธนั้นๆ ได้ คือ การทำลายความเห็นต่างของฝ่ายตรงข้าม

 

ผลที่ผู้ถูกหลอกให้เป็นทหาร ในสื่อสังคมออนไลน์ได้รับคือ ความลำพองใจในชัยชนะของพวกเดียวกัน และยึดมั่นในความคิดที่ถูกย้อม ซึ่งในภายหน้า อาจมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้นตามวันเวลา และนานวันเข้า ในกรณีเลวร้ายสุดๆ มีโอกาสที่จะถูกย้อมสมอง ส่งผลกระทบในทางสังคมคือ สังคมเกิดความแตกแยกอย่างเห็นได้ชัด

 

หลายคนคงสังเกตได้ว่า ในช่วงนี้ คนในสื่อออนไลน์ มักมีพฤติกรรม การใช้วาจารุนแรงขึ้น มีการรุมยิงด้วยภาษาต่อผู้ที่เห็นต่าง มีการใช้ชุดความคิดแบบเดียวกันหรือคล้ายกัน มีการใช้สัญลักษณ์ในแนวทางเดียวกัน ช่วงเวลาใกล้ๆ กัน ด้วยคนหลากหลายวัย นั่นก็คือรูปแบบ การทำให้สื่อสังคมออนไลน์เป็นอาวุธ


ในหลายประเทศเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ คนในชาติเกิดความแตกแยกทางความคิด ความเชื่อ เกิดความเกลียดชังกัน หากใช้อาวุธนี้ในบ้านเรา คงเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเพียงความเห็นต่างธรรมดาๆ เท่านั้น แต่มันคือการล้างสมอง และคนที่นำมาใช้นั้นก็ไม่รู้ว่า จิตใจของเขาทำด้วยอะไร จึงมาทำร้ายคนในชาติเดียวกัน

 

บทความที่ให้ข้อคิดดีดี ของท่านทนายสมเกียรติ โรจนวรกมล ที่ท่านได้โพสต์ลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว เรื่อง ในวันที่สื่อเป็นผู้ทำลาย มีเนื้อหาใจความว่า


นับแต่โบราณมา การรบราฆ่าฟันกัน เพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่างของคน เช่น การแย่งดินแดน ทรัพยากร ฯลฯ มักจะใช้กำลังประหัตประหารกันเพื่อเอาชนะ ใช้อาวุธทำลายล้างเข้าต่อสู้กัน จนอีกฝ่ายต้องย่อยยับอัปราชัย มาถึงในวันนี้ การแย่งชิงผลประโยชน์ มีการใช้อาวุธชนิดใหม่ที่เรียกว่า สื่อ เป็นอาวุธพิฆาตอีกฝ่าย ให้สูญสิ้นทุกอย่างได้ในพริบตา โดยไม่คำนึงถึงวิธีการว่า จะชอบธรรมหรือไม่ เพราะขาดจิตสำนึก ขาดความเป็นคนไปเสียแล้ว


คนที่ใช้สื่อ เมื่อไม่มีความรู้สึกใดๆ ในการมองเห็นคนเป็นคน เป็นเพื่อนร่วมชาติ ก็จะเน้นย้ำในการใช้อาวุธพิฆาตนี้ อย่างไม่ปราณีปราศรัยทั้งสิ้น   ไม่เว้นแม้แต่การดึงพระ ดึงวัด มาสนองผลประโยชน์ของตน  แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นสงครามอะไร คนที่ต้องรับกรรมคือ ประชาชนตาดำๆ ที่ไม่มีทางสู้ คิดแล้วเศร้าใจสิ้นดี




 

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้

ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง

[คติธรรม] คมธรรมของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ