[ข่าวลุงพล] เมื่อสื่อรังแกชาวบ้าน เราท่านจะว่าอย่างไร
เมื่อสื่อรังแกชาวบ้าน เราท่านจะว่าอย่างไร
ในยุคปัจจุบัน
การสื่อสารในสังคมมีเสรีภาพมากขึ้น เพราะกระแสประชาธิปไตยในประเทศ มีความเข้มข้น
การควบคุมหรือการกำกับดูแลสื่อ ไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม
อาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นการลิดรอนเสรีภาพ การแสดงออกของประชาชน ในอดีตเราอาจจะเรียกร้องเสรีภาพ
ของสื่อสารมวลชน แต่ปัจจุบันเมื่อเรามีสื่อออนไลน์ใช้กัน
การเรียกร้องเสรีภาพก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้น เพราะพื้นที่สื่อออนไลน์นั้น ให้เสรีภาพกับการสื่อสารของประชาชนมากขึ้น
ในขณะที่สื่อสารมวลชน เป็นการทำงานขององค์กรสื่อ ที่มีนโยบายและกติกาต่างๆ
กำกับดูแลการทำงานของพนักงานในองค์กร
ซึ่งถือว่าเป็นการคัดกรองการใช้เสรีภาพของสื่อสารชั้นหนึ่ง ก่อนที่ข่าวสารต่างๆ
จะเข้าถึงประชาชน แต่สำหรับการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์นั้น เป็นสื่อที่ประชาชนทุกคนสามารถเป็นผู้ผลิตข่าวสารได้
ทำให้ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพ ในการให้ข้อมูลข่าวสารกับสาธารณชน และหากจะมีกฎหมายใดๆ
ในการกำกับและควบคุมการสื่อสาร บนพื้นที่สื่อออนไลน์ หรือหน่วยงานที่ออกกฎหมาย ที่อาจจะถูกกล่าวหาว่า
ลักลอบเสรีภาพของประชาชน
ในขณะที่เรามองว่าข่าวสารต่างๆ
ในสื่อสารมวลชน ที่มีทั้งเรื่องราวที่ดีมีประโยชน์ และเรื่องราวที่โกหก บิดเบือน
ยุยง กล่าวร้ายบุคคลอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งถ้าหากข่าวสารประเภทหลัง ถูกเผยแพร่ออกไป
เราก็ถือว่าสื่อนั้นไม่สร้างสรรค์
ผู้นำเสนอข่าวไม่มีจรรยาบรรณของการเป็นสื่อสารมวลชนที่ดี
และสิ่งที่พวกเขานำเสนอนั้นอาจจะเป็นสื่อที่อันตราย ไม่ปลอดภัยสำหรับบุคคล สังคม
และประเทศชาติ เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด เกิดความเชื่อที่ผิดๆ
เกิดพฤติกรรมและทัศนคติทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจที่ไม่เหมาะสม
สื่อสังคมออนไลน์ มีความแตกต่างจากสื่อสารมวลชนในหลายประเด็น
กล่าวคือ สื่อสังคมออนไลน์เป็นสื่อเปิด ที่ให้เสรีภาพแก่คนทุกคน ที่ต้องการเผยแพร่เรื่องราวข่าวสารต่างๆ
โดยไม่มีบรรณาธิการเลือกข่าว ไม่มีการเก็บเงินค่าเวลาหรือค่าพื้นที่
สื่อสารมวลชนมีพนักงานทำหน้าที่ต่างๆ ตามที่ผู้บริหารกำหนด และจะต้องปฏิบัติตามนโยบายและกฎระเบียบขององค์กร
แต่สื่อสังคมออนไลน์นั้น ทุกคนสามารถเป็นผู้สื่อข่าวโดยไม่ต้องมีใครแต่งตั้ง
ทุกคนสามารถเป็นผู้ผลิตข่าวได้ตามที่ตนเองต้องการ ไม่มีบรรณาธิการกำกับดูแล
ไม่มีนโยบายของใครมาเป็นข้อจำกัด ไม่มีงบประมาณที่ต้องใช้จ่าย
ไม่มีกองเซ็นเซอร์มาตรวจสอบ สื่อสารมวลชน ถ้าหากทำงานไม่ถูกใจผู้บริโภค ไม่มีคนอ่าน
ไม่มีคนดู ไม่มีคนฟัง คะแนนนิยมต่ำ โฆษณาก็จะไม่เข้า ธุรกิจก็จะอยู่ไม่ได้
มุมมองดีดี ผ่านบทความเชิงวิเคราะห์
ของพี่โซดา น้ำ เรื่อง เมื่อสื่อรังแกชาวบ้าน เราท่านจะว่าอย่างไร
เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้โพสต์ข้อความสั้นๆ
ลงในเพจที่เกี่ยวข้องกับลุงพล ข้อความดังกล่าว โพสต์เอาไว้ว่า “เรตติ้งของช่องข่าวจำนวนสามช่อง จะดิ่งลงเรื่อยๆ ในระยะเวลาอีกไม่นาน
เพราะพวกเขา ได้ใส่สีตีไข่ ลงไปในชีวิตของชายที่ชื่อลุงพล ซึ่งหลังจากนี้ ความนิยมของลุงพลก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ
อันเป็นผลพวงจากการกระทำ ที่ไร้จิตสำนึกของช่องเหล่านั้น”
ถึงตรงนี้ ก็อาจจะมีบางท่านนึกแย้งขึ้นมาว่า “เพจของช่องทีวีที่ผมได้หยิบยกขึ้นมากล่าวถึงนี้
บางช่องมีผู้ที่ติดตามในหลักสิบล้านต้นๆ เลยทีเดียว
ส่วนในด้านของบุคคลที่ตกเป็นข่าวผู้นั้น มียอดผู้ติดตามแค่สามแสนกลางๆ
เพียงเท่านี้ ก็น่าจะถือเป็นเครื่องชี้วัดที่ชัดเจนได้แล้วว่า
ฝ่ายใดเป็นฝ่ายที่ผู้คนให้ความนิยมมากกว่ากัน”
สำหรับเหตุผล ที่ผมจะนำมาประกอบข้อความข้างต้นนี้ก็คือ
แม้ว่าปัจจุบัน ช่องทีวีทั้งสามช่อง ซึ่งแต่ละช่อง จะมียอดผู้ติดตาม ที่มากกว่าเพจของลุงพลอยู่หลายสิบเท่าตัว
ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ที่ผู้คนส่วนใหญ่ จะให้ความสนใจกับช่องทีวีเป็นจำนวนที่มากกว่า
เพราะนอกจากข่าวสาร ซึ่งมีผู้ที่ติดตามชมในส่วนหนึ่งแล้ว ก็ยังมีสาระบันเทิง ให้เลือกดูเลือกชมในอีกหลายรูปแบบ
จึงเป็นที่แน่นอนว่า เพจของช่องทีวีเหล่านั้น สามารถที่จะตอบสนองความต้องการ ของผู้ชมได้หลากหลายมากกว่า
แต่ในส่วนของชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ชื่อลุงพล
ที่เขาได้ถูกติดตามแบบเกาะติด จากผู้คนที่ชื่นชอบเขา
โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความบันเทิงในรูปแบบอื่นๆ มาล่อตาล่อใจ ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่า
เป็นความบันเทิงในรูปแบบของวันแมนโชว์ แต่ก็ยังทำให้ผู้คนที่ติดตามรับชม รู้สึกเพลิดเพลิน
และตื่นตาตื่นใจ ไปกับทุกอิริยาบถของเขาได้
ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะน่าอัศจรรย์ใจมิใช่น้อย ที่จะมีชาวบ้าน ที่อาจเรียกได้ว่าสุดแสนจะธรรมดาคนหนึ่ง
จะได้รับความสนใจ จากผู้คนอย่างล้นหลามถึงขนาดนี้
ยังไม่รวมไปถึงช่องของยูทูบเบอร์อีกหลายสิบชีวิต
ที่ปักหลักตามติด ชนิดแทบจะหายใจรดต้นคอก็ว่าได้ และในจำนวนยูทูบเบอร์เหล่านี้ ก็มีหลายช่อง ที่มียอดผู้ติดตามเป็นจำนวนหลักแสนถึงหลายแสนคน
เรียกได้ว่าติดตามถ่ายทำชีวิตของลุงพลตั้งแต่เช้ายันมืดค่ำ เพราะทุกๆ เรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของลุงพลนั้น
สามารถที่จะหยิบยกมานำเสนอ ให้กับผู้ที่ติดตามได้ทั้งสิ้น
ไม่เว้นแม้แต่เจ้านิกกี้ สุนัขตัวโปรดของเขาเอง ก็พลอยได้รับความนิยม จากผู้คนที่ติดตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
ถึงตรงนี้ ก็คงต้องยอมรับโดยปริยายกันแล้วว่า ลุงพลน่าจะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้
ที่มีกลุ่มยูทูบเบอร์ตามติด ในแทบจะทุกอิริยาบถเลยก็ว่าได้
ทว่าคนที่ไม่ได้เป็น fc ของฝ่ายใดเลย
ก็ยังมีอยู่อีกไม่น่าจะต่ำกว่าหกสิบล้านคน และขอให้เชื่อเถอะครับว่า ในขณะนี้ ผู้คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ต่างก็เริ่มที่จะคิดตั้งคำถามกับตัวเอง
ต่อพฤติกรรมของช่องทีวีที่พวกเขากำลังเสพอยู่นี้ ว่าเพราะเหตุใด
ช่องเหล่านี้จึงได้สร้างเรื่องเท็จ ขึ้นมาใส่ร้ายคนๆ หนึ่งอย่างโจ่งแจ้ง
เพราะคงจะมีแต่คนที่บกพร่องทางสมองเท่านั้นที่จะดูไม่ออก นับได้ว่าเป็นการใส่ร้ายแบบดื้อๆ
ที่ไม่มีชั้นเชิงเอาเสียเลย ประมาณว่าถ้าการใส่ร้ายเรื่องนี้ถูกผู้ชมจับได้ไล่ทัน
ก็จะทำเป็นมึนไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก็สร้างเรื่องเท็จเรื่องต่อไปมานำเสนออีกเรื่อยๆ
น่าแปลกใจที่ยังมีกลุ่มคนที่หลงเชื่ออยู่ส่วนหนึ่ง
วัดได้จากการที่พวกเขาเหล่านั้น ได้เข้ามาคอมเมนต์ถล่มลุงพล ที่ด้านล่างของคลิปข่าว
สำหรับเรื่องนี้ผมก็ยังคิดหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่า เพราะเหตุใด ผู้ชมกลุ่มนี้
จึงได้ถูกหลอกซ้ำหลอกซาก จากช่องข่าวและเพจเดิมๆ โดยถ้าข้อมูลเท็จเหล่านั้น ได้ถูกหักล้างโดยข้อมูลจริงที่ถูกต้อง
ผู้ชมกลุ่มนี้ ก็จะยังยืนกรานว่า ข้อมูลของตนนั้นถูกต้องแล้ว
ถึงตรงนี้ผมแน่ใจเหลือเกินว่า คนดูกลุ่มนี้ ก็น่าจะรู้ตัวดีว่าได้รับข้อมูลอันเป็นเท็จ
แต่ก็ยังอุตส่าห์เชื่อซ้ำเชื่อซาก เชื่อโดยที่ไม่นึกตะขิดตะขวงในใจเสียบ้างเลย
ประมาณว่า เชิญช่องของพวกเราหลอกมาได้เลย ตามสบาย ถ้าเรื่องเหล่านั้น เป็นเรื่องที่จะสร้างความฉิบหายให้กับคนที่ข้าเกลียดชัง
ข้าก็พร้อมที่จะเชื่อ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้น กลุ่มผู้ชมที่เสพข่าวอย่างเป็นกลางๆ
มาก่อนหน้านี้ ที่คาดว่าน่าจะมีมากกว่ากลุ่มคนที่ไร้สติเหล่านี้หลายเท่าตัว
ต่างก็เริ่มจะมีใจเอนเอียง มาทางฝั่งของลุงพลกันบ้างแล้ว เนื่องจากผู้คน ต่างก็มองเห็นด้วยตาตัวเองอย่างชัดเจนกันแล้วว่า
ในขณะนี้ลุงพลได้ถูกใส่ร้ายป้ายสี จากช่องเหล่านี้อย่างชัดแจ้ง
ซึ่งถ้าผู้คนจากจำนวนหกสิบกว่าล้านคนยังมองไม่ออก
ผมก็คงต้องขออภัยที่จะพูดประโยคที่ว่า บ้านนี้เมืองนี้คงจะอยู่กันยากเสียแล้วล่ะครับ
เนื่องจากมั่นใจว่าไม่น่าจะมีประเทศใดในโลกนี้ ที่จะดำรงอยู่ได้ ด้วยประชากรที่ไร้สติเกินกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ
แต่ในปัจจุบัน บ้านเมืองของเราก็ยังดำรงอยู่ได้
นั่นก็ย่อมเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า บ้านเมืองของเรา มีประชากรที่มีคุณภาพเป็นจำนวนที่มากกว่า
ท่านอยากจะทราบไหมล่ะครับ ว่าบรรดา fc กลุ่มหนึ่งของช่องทีวีเหล่านั้น
ตอนนี้ ต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชขนาดไหน ก็เลยจะขอยกตัวอย่าง เพื่อจะได้มองเห็นภาพกันแบบชัดๆ
คือสมมติว่า ถ้าลุงพลจับเจ้าหมานิกกี้เขย่าเล่นด้วยความเอ็นดู
แล้วช่องเหล่านี้เอาไปพูดในทำนองที่ว่าลุงพลทรมานสัตว์ ผมก็จะขอแสดงความเห็น ด้วยความมั่นใจตรงนี้เลยครับว่า
fc กลุ่มหนึ่งของช่องเหล่านี้
ก็พร้อมที่จะเชื่อ และจะเข้ามาคอมเมนต์ถล่มลุงพล แบบไม่เหลือชิ้นดี ที่เป็นเช่นนี้
ก็เพราะพวกเขา กำลังถูกผู้ประกาศข่าวเหล่านั้นสะกดจิต
จนตอนนี้แทบจะกลายสภาพเป็นซอมบี้กันหมดแล้ว
แต่ก็นับว่าโชคยังดี
ที่คนกลุ่มนี้คือประชากรส่วนน้อยของประเทศ เพราะถ้าคนกลุ่มนี้ คือประชากรส่วนมาก
ก็อาจจะไม่มีประเทศไทย ปรากฏอยู่บนแผนที่โลกแล้วก็ได้
โซดา น้ำ 9 กุมภาพันธ์ 2564

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น