[ข่าวลุงพล] สางไดอารี่ วลีเด็ด คนนั้นแหละ อริไอ้พล


 สางไดอารี่ วลีเด็ด คนนั้นแหละ อริไอ้พล


ประโยคอันน้อยนิด ที่ผมพอจะได้ยินผ่านหู จากคลิปคลิปหนึ่ง ซึ่งเล็ดลอดออกมาว่า คนนั้นแหละ อริไอ้พล ขณะที่พวกเขา กำลังห้อมล้อมขอถ่ายรูปกับนักปั้นมือทอง และเสียงสนทนาภาษาต่ำตมเล็ดลอดออกมา แม้กระทั่งคลิปที่นักปั้นมือทอง นั่งซาเล้งผ่านหน้าบ้านลุงพล จนไปถึงที่จอด แล้วนักปั้นมือทองก็ถามคนในกลุ่มของพวกเขาว่า มีใครหันมามองไหม ผมขอตอบแทนตรงนี้เลยละกันนะครับว่า หลังจากที่ได้ดูคลิป ผมเห็นมีแต่สุนัขสองตัว วิ่งออกมาเห่าไล่จนเกือบจะถึงหน้าบ้านลุงพล ทำไมครับ มาทั้งที ยังมีวลีเด็ด กัดจิกเขาไม่เลิกรา อิจฉาหรือครับ


อิจฉา หมายถึง อาการเมื่อเห็นคนอื่นได้ดีแล้วไม่พอใจ หรือน้อยเนื้อต่ำใจ อยากมี หรืออยากเป็นอย่างเขาบ้าง แล้วคุณเคยอิจฉาหรือเปล่า 


ถ้าถามผม ผมก็ตอบว่าเคย แต่ระดับความอิจฉาของคุณจะต้องไม่ทำร้ายใคร หรือทำให้คุณดูแย่เมื่อเราเห็นคนอื่นได้ดีกว่า หรือประสบความสำเร็จ คุณมีสิทธิ์ที่จะอยากเป็นอย่างเขา แต่ควรจะต้องระวัง เรื่องที่จะไปหาจุดผิด ที่จะต้องคิดว่าเขาต้องไม่ดี เขาประสบความสำเร็จได้เพราะปัจจัยอื่นๆ เขารวย เขาดวงดี เขาใช้เทคนิคพิเศษ รวมทั้งเราอาจจะขุดเรื่องไม่ดีของเขาขึ้นมา แบบนี้ คิดคนเดียวไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าคุณคิดเสียงดัง อันนี้จะทำให้คุณดูแย่


เช่นกันเมื่อเราประสบความสำเร็จ เราก็จะมีเพื่อนที่ยินดีกับเรา และอิจฉาเราเป็นธรรมดา สำหรับเพื่อนที่อิจฉาเรา เป็นกลุ่มที่เราไม่ชอบอยู่แล้ว หรือทะเลาะกันมา อันนี้คงจะรู้สึกเฉยๆ แต่เพื่อนที่อิจฉาเราคือมิตรของเรา หรือผู้ที่เคยทำดีกับเรา อันนี้แหละ จะทำร้ายจิตใจของเราได้


ผมยกตัวอย่างของลุงพลเลยแล้วกัน เพื่อนที่สนิทระดับหนึ่ง เรียกได้ว่าสู้อะไรกันมาพอสมควร พอวันหนึ่งลุงพลโชคดีขึ้นมาเหนือกว่าเขา ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป เขาเริ่มจะออกอาการ หาคำพูดไม่ดี เรื่องไม่ดีมาค่อนแคะ จนลุงพลได้ยินว่า โดนนินทาแบบจังๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขาก็ไม่กล้าคุยกับลุงพลอีกเลย 


สิ่งที่ลุงพลต้องฟังคือ ดูว่าที่เขาพูดมาลุงพลผิดจริงไหม ถ้าจริง ก็เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง ให้ผ่านไป คิดว่ามันคือมีดที่ไปทิ่มแทงเขาเอง แบบนี้ลุงพลก็จะสบายใจ แต่ถ้าลุงพลเก็บไปคิด คิดว่าเขาคือเพื่อนที่ดี ทำไมมาว่าอิจฉากันแบบนี้ มันก็เหมือนมีดมาทิ่มแทงลุงพลตลอดเวลา


การที่มีคนไม่ชอบ อิจฉาริษยา มีศัตรูต่างๆ  เพราะเกิดจากกรรมบางอย่าง  ที่สำคัญที่ควรพิจารณาว่า ความอิจฉา ริษยา มีกันได้ทุกคน  และควรเข้าใจความจริงของอกุศลของเขา ไม่มีใครไปห้ามใจของใครได้ เพราะฉะนั้น อกุศลของใครก็ของคนนั้น  ควรเห็นใจ คนที่เกิดอกุศล เกิดความอิจฉา ริษยา เพราะเป็นอกุศลที่ทำร้ายใจของเขาเอง 


สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ก็ไม่พ้นจากสภาพที่เกิดขึ้นเป็นไป ที่เกิดความรู้สึกอย่างนั้นอย่างนี้ แม้แต่ความอิจฉา ริษยา ก็เป็นสภาพที่มีจริง ลักษณะของความอิจฉาริษยาคือ ขณะนั้นย่อมไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ขุ่นใจ ในเมื่อบุคคลอื่นได้ลาภ ได้สักการะ ได้ความเคารพ ได้ความนับถือ ได้รับการไหว้และบูชา กล่าวได้ว่าเห็นบุคคลอื่นได้ดีแล้ว ทนไม่ได้ ไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้ดี นี้เป็นลักษณะของความอิจฉาริษยา ความริษยา จึงมีความไม่พอใจ ไม่อยากให้ผู้อื่นได้ในสิ่งที่ดี เป็นลักษณะของความอิจฉาริษยา


ผู้ที่จะไม่เกิดความอิจฉาริษยาอีกเลยคือ ผู้ที่เป็นพระอริยะเจ้า มีพระโสดาบัน ก็จะไม่เกิดความอิจฉาริษยา แต่ในเมื่อยังเป็นปุถุชน ความอิจฉาริษยาก็เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น หนทางละ คือเข้าใจในสิ่งที่เกิดแล้ว  เพราะเราไม่สามารถบังคับบัญชาได้  เพราะมีตัวเราสำคัญว่ามีเรานั่นเอง ก็ทำให้เกิดความอิจฉาริษยา  เพราะในความเป็นจริง การที่ใครจะได้ดี มีความสุข ไม่ใช่เขาที่ได้ แต่เพราะกรรมดีให้ผล ทำให้บุคคลนั้นได้ ดังนั้น  เพราะกรรมดีเป็นเหตุ จึงทำให้มีความสุข ได้รับสิ่งที่ดีทางตา คือ การเห็นที่ดี ได้รับสิ่งที่ดีทางหู คือได้ยินเสียงที่ดี 


ส่วนใครที่ชอบสร้างแต่วลีเด็ด ระวังจะเข็ดไปจนวันตายนะครับ




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

บอกใจไว้รอเจ็บ แท้งก่อนเกิด หลังพับเก็บความคิดฝันเข้าแฟ้มไปแล้ว

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้