[ข่าวลุงพล] ยูทูปเบอร์บ้านกกกอก ในมุมมองของ ทนาย นิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล
ยูทูปเบอร์บ้านกกกอก
ผมมีโอกาสเดินทางไปร่วมงานมิตติ้ง
ยูทูปเบอร์บ้านลุงพล โดยปกติแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ชอบไลฟ์สด
แต่วันนั้นผมก็ได้ไลฟ์สดทักทายทุกๆ ท่าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
ผมทักทายไม่ทั่วถึง อ่านชื่อของพี่ๆ ผิดหลายคน ที่ผมจำแม่นเลยคือ ผมอ่านชื่อพี่ กานชญา อินทร์เมือง ผิด
ซึ่งผมอ่านเป็นกานชนา ตั้งหลายรอบ ต้องกราบขออภัยคุณพี่ กานชญา อินทร์เมือง มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และขอโทษด้วยสุจริตใจ ที่เอ่ยอ้างชื่อพี่
โดยไม่รับอนุญาต
นั่นคือความพลาดที่ผมสมควรรับผิดชอบ
และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่ค่อยนิยมไลฟ์สด โดยความเป็นจริงแล้ว
ผมจะใส่ใจในเรื่องของถ้อยคำที่สื่อออกไป เวลาทำคลิป อ่านผิดแค่คำเดียว
ผมยังเริ่มใหม่ นี่คือความตั้งใจจริง ในการนำเสนอเรื่องราวเหล่านั้น
ทันทีที่ถึงบ้านลุงพล
คำถามเกิดขึ้นในใจผมเงียบๆ ว่า ผมจะไปหาใคร ซึ่งคนที่พอจะรู้จักกันผ่านทางช่องยูทูป
ก็คือช่องสาวแอน ชาแนล กับสาวมณี ชาแนล แต่ปัญหาคือ หล่อนทั้งสองคนอยู่พิกัดไหนหนอ
มองซ้ายมองขวา ตัดสินใจว่า เข้าไปหาลุงพลกับป้าแต๋นดีกว่า
ทักทายป้าแต๋นโดยที่ไม่ได้แนะนำชื่อเสียงเรียงนาม ก่อนเดินไปหาลุงพลที่ลานปู่ปาริจิตร
ซึ่งกำลังสาละวนกับการจัดสถานที่ ทักทาย พร้อมถ่ายรูปเสร็จสรรพ
แล้วเดินออกมาเงียบๆ กลับบ้านดีกว่า นั่นคือประโยคที่ผุดแว๊บขึ้นมาในใจ
แล้วก็เริ่มถ่ายคลิปกอบเก็บความรู้สึกดีดี
ยูทูปเบอร์ช่องแรก ที่ผมมั่นใจว่าใช่
และเอ่ยทักทายพูดคุย คือย่าอชิ พูดคุยเป็นกันเองมาก เดินออกจากย่าอชิมา
เห็นยูทูปเบอร์ช่องใหญ่อีกช่องหนึ่ง ซึ่งเคยเอาบทความที่ผมโพสต์ลงในเฟซบุ๊ค
เรื่องเกี่ยวกับลุงพลไปอ่าน ผมเดินเข้าไปหา พร้อมยกมือทักทาย
เห็นแกยิ้มแล้วเดินเข้ามาหา ที่ไหนได้แกทักทายอีกช่องที่อยู่ด้านหลังผม หน้าแตก หมอไม่รับเย็บ เปลี่ยนความคิดทันที
ไม่ทักทายใครดีกว่า
อารมณ์อยากกลับบ้านเกิดขึ้นอีกครั้ง เลยเดินไปลงทะเบียน เห็นเขาบอกว่าจะได้เสื้อ ต่อแถวตามมารยาท เงียบไม่กล้าทักทายใคร เวรกรรมชื่อช่องของผม ในทะเบียนไม่มี เห็นทีจะขอลา ขณะที่ละล้าละลัง ช่องยูทูปดังช่องหนึ่งถามขึ้น “ขี้เมี่ยง ชาแนล คนไหนครับ Fc แจ้งมาว่า เข้ามาร่วมงานแล้ว”
ผมคิดในใจเงียบๆ ตอบดีไหม จึงตอบพี่เขาไปแบบเขินๆ
“ผมครับ”
ได้เรื่องเลย โดนสัมภาษณ์ ตอบแบบตะกุตะกัก
โชคดีที่มีอีกช่องแว๊บเข้ามา พี่เขาหันไปถามช่องนั้น ผมเลยถือโอกาสลาออกมา ขอบพระคุณช่องพี่อ๋อ
และพี่สายบุญครับ ที่ให้เกียรติมากมาย สำหรับช่องเล็กๆ อย่างผม
เขียนชื่อช่องลงทะเบียนไว้พร้อมเบอร์โทร แว่วเสียงร้องเรียก
พี่ขี้เมี่ยง เล็ดลอดมาจากทางไหนไม่ทันหันมอง มั่นใจว่านั่นคือเสียงของ แอน ชาแนล แล้วเดินออกมาอย่างเงียบๆ
คลิปก็ไม่อยากถ่ายต่อแล้ว เป้าหมายคือหาอะไรเย็นๆ ดับกระหาย
“ใช่ช่องยูทูปไหมครับ” ใครคนหนึ่งถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังมองหาสาวแอน
ชาแนล
“ไม่ใช่ครับ ผมเป็น fc ลุงพล
มาร่วมงานครับ" ผมตอบ
“ว่าแล้ว ไม่เห็นถ่ายคลิปเลย น่าจะลองทำดูนะครับ” แกพูดต่อ
“ผมทำอะไรไม่เป็นเลย ขอเป็น fc ลุงดีกว่าครับ” ผมตอบ โดยที่สายตาผมเห็นเป้าหมายแล้ว
“ถ่ายรูปให้ผมหน่อยครับ” แกเอ่ยปาก
พร้อมกับส่งยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
“ครับ” รับโทรศัพท์มา แล้วกระหน่ำไปหลายรูป
หันมาอีก เห็นแต่สาวแอน เดินไปลานปู่ปาริจิตรแล้ว
เดินออกมาที่ถนน ตัดสินใจไลฟ์สดลองดู
โดยเป็นการไลฟ์สดเพื่อทักทายพี่ๆ หนึ่งคำถามที่ผมเจอตอนไลฟ์สด
ซึ่งผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงตอนนี้ นั่นก็คือ ทำไมเสียงผมตอนไลฟ์สด
กับตอนอ่านคลิป เหมือนคนละคน ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง แต่เท่าที่ผมมองถึงแก่นของประโยคคำถามนี้
ซึ่งถ้าผมจำเป็นต้องตอบ เพื่อคลายความสงสัยของพี่ๆ ที่ตั้งคำถาม
ผมจะขอตอบในมุมมองของผมนะครับว่า ระหว่างช่วงที่ผมทำคลิป
ผมจะใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง โทนเสียงในการอ่านคลิป ผมจะใช้โทนเสียงเดียว
ขณะที่ผมอ่านคลิปนั้นๆ ผมจะไม่ลุกเดินไปไหน จนกว่าจะอ่านคลิปจบ
ซึ่งตรงจุดนี้
ผมขอยกตัวอย่าง การทำงานในห้องอัดของนักร้อง มาเล่าให้ฟังคือ
เวลาที่นักร้องใส่เสียงร้องเพลง คุณต้องจำพิกัดจุดยืนของคุณ
เพราะเวลาใส่เสียงร้องเพลง เสียงร้องจะเสมอกัน ถ้าคุณขยับพิกัดจุดยืน
โทนเสียงของคุณ จะเปลี่ยนทันที นี่คือเรื่องจริง ผมใช้เทคนิคนี้เช่นกัน
เวลาอ่านคลิป
ส่วนการไลฟ์สด
ผมพูดตามตรง เป็นไลฟ์สไตล์มากกว่า ผมใช้ภาษาพื้นถิ่น พูดผิดพูดถูก
ซึ่งเราไม่สามารถปรับแก้ได้ครับ มันจึงเหมือนกับว่า น้ำเสียงของผม
ระหว่างอ่านคลิปกับการไลฟ์สด เป็นคนละคนกัน
หยิบบทความของทนายนิทัศน์
ประเสริฐเนติกุล ที่พูดถึงยูทูปเบอร์บ้านกกกอก มาเล่าให้ฟัง ทนายท่านเขียนเอาไว้ว่า
ทนายหลงทางมาตลอดว่า ยูทูปเบอร์กกกอก
เป็นชาวบ้านธรรมดา หาเช้าไม่พอกินค่ำ แต่ความจริง ถูกเล่าสู่หูทนาย จากคนใกล้ชิดเหล่ายูทูปเบอร์ว่า
พวกเขาเหล่านั้น เกือบทั้งหมดไม่เป็นอย่างที่ทนายคิด
หลายคนจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากเมืองนอก หลายคนมีธุรกิจส่วนตัว หลายคนมีการศึกษา
หลายคนเป็นอดีตข้าราชการ และหลายคนมีเรือกสวนไร่นา แต่มีบางคนที่ไม่ร่ำรวยอะไร เป็นชาวบ้านธรรมดา การที่พวกเขาเหล่านั้น
มาเป็นยูทูปเบอร์ที่บ้านลุงพล เพราะใจรักความเป็นอิสระ และเมื่อต่างคนต่างมา
จึงผูกพันรักใคร่สามัคคีกันดี แต่มีบางคน ที่เกิดปัญหาและแตกแยกออกไป
เพราะอาจจะมาจากผลประโยชน์ หรือขัดแย้งกับใครเป็นการส่วนตัว
แต่ข่าวที่ตามมา มีหลายคนที่อาจถูกตั้งข้อหา ร่วมกันบุกรุกแผ้วถางป่า
หรือตัดไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวนแห่งชาติ แถมเป็นยูทูปเบอร์แบบบ้านๆ หากินไปวันๆ
มีภาระต้องหาเลี้ยงครอบครัว
ถ้าโดนคดีจริงคงลำบากแน่ แต่ถ้าพิจารณากันตามหลักกฎหมาย ควบคู่กับศีลธรรมแล้ว
พวกเขาเหล่านั้น ไม่ควรถูกตั้งข้อหา เป็นได้เพียงพยานผู้เห็นเหตุการณ์เท่านั้น
แต่ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับแรงกดดันที่ตำรวจได้รับ
ซึ่งต้องรอเวลาว่า ตำรวจจะร้องตามเพลง หรือเป็นตัวของตัวเอง
คดีเกี่ยวกับป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ เป็นคดีที่ทำยาก
เพราะเรื่องเดียว ถูกกฎหมาย ๒ ฉบับครอบอยู่
ไม่ผิด พรบ.ป่าสงวน ก็อาจผิด พรบ.ป่าไม้ แต่ส่วนมากผิดทั้งสองฉบับ
แต่ศาลจะลงโทษเพียง พรบ.เดียว เรียกว่า กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ศาลจะลงโทษ กฎหมายที่บัญญัติโทษไว้สูงสุด
แต่กรณีลานพญานาค ถ้าว่าตามตัวบทกฎหมาย
อัยการอาจยื่นคำขอท้าย ฟ้องให้รื้อหรือทำลายองค์พญานาค ส่วนพระพุทธชินราช
อาจมีการให้ขนย้ายออกไป ศาลหรืออัยการ ไม่สามารถใช้หลักรัฐศาสตร์ได้
ผู้ที่สามารถใช้หลักรัฐศาสตร์แก้ปัญหาได้
ก็คือผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร แต่ก็คงไม่อยากเจ็บตัวจึงนิ่งเฉย
ทิ้งให้ชาวบ้านตาดำๆ ต่อสู้กันตามลำพัง นั้นหมายถึงว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด
อาจไม่ใช่คนอีสาน แต่เป็นคนที่มาจากภาคอื่น จึงมององค์พญานาคแค่เศษหินปูน
ทุบก็ทุบไป ดีกว่ายืนมือเข้าไปแล้วถูกด่า
สถานการณ์ในชุมชนเวลานี้ กลุ่มหนึ่งนิ่งเฉย เพราะไม่ได้ผลประโยชน์อะไร
กลุ่มหนึ่งก็สำราญเฮฮาตามประสาวัยรุ่น กลุ่มหนึ่งก็คอยทิ่มแทง เพราะความโกรธแค้นกันเป็นส่วนตัว สรุปถ้าชาวบ้านยังเดินเกมส์แบบทองไม่รู้ร้อน
ในไม่ช้านี้คงถูกเรียกตัวไปเป็นผู้ต้องหาหลายคน แถมองค์พญานาคก็รักษาไว้ลำบากหน่อย
เอาเป็นว่า ทนายคอยให้กำลังใจทุกๆ คนก็แล้วกัน
แต่พวกที่ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ ชอบด่าคนนั้นคนนี้ ชีวิตพวกเขาคงต่ำตมไปเรื่อยๆ
ทนายนิทัศน์
ประเสริฐเนติกุล เสาร์ ๒๗ มีค ๖๔
ป่าตอง แดนสวรรค์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น