[ข่าวลุงพล] อวสาน ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญกรรม ปิดฉากนิรันดร


 

ฉากสุดท้าย

 

วันนี้ ทนายต้องขอแสดงความเสียใจ แทนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์  ที่เฟสบุ๊ค ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ถูกปิดไปชั่วนิรันดร์ ด้วยเหตุผลโดยไม่มีเหตุผล คุณอัจฉริยะ ทนายเคยพบเจอหนึ่งครั้งและมีเบอร์โทรติดต่อกันได้ แต่ด้วยความเห็นในเรื่องลุงพลต่างกัน ก็เลยต่างคนต่างคิด แต่ไม่เคยก้าวก่ายหรือไปกระแหนะกระแหน กระทบกระทั่งกัน จนวันอำลา ของชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จบบทบาทลงในเฟสบุ๊ค


ด้วยใจจริง แม้จะมีความเห็นต่างกันหลายเรื่อง แต่ก็ใช่ต้องเป็นศัตรูกัน เพราะมิตรแท้หรือศัตรูถาวร ไม่มีในโลกของความเป็นจริง ความเป็นจริงคือทุกคนเป็นเพื่อนร่วมโลก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม  มีบทบาทสูงมาก ในการเปิดเผยตีแผ่ ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับสังคม โดยเอาตัวเข้าแลกแม้กระทั่งชีวิตก็หาใช่ปลอดภัยไม่ นั้นคือความจริง ที่จะหาผู้กล้าแบบนี้น้อยมาก


วันนี้ เป็นข่าวร้ายของคุณอัจฉริยะที่ถูกปิดเฟสบุ๊ค แต่อาจเป็นข่าวดีของเหล่ายูทูปเบอร์ บ้านลุงพลที่มีรายชื่อตกเป็นผู้ต้องหา ทนายไม่รู้ว่า เหล่ายูทูปเบอร์ที่มีชื่อตกเป็นผู้ต้องหา มีทนายความหรือยัง แต่ถ้ามีแล้วก็ขอโทษด้วย ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นรวม ไม่ใช่ไปก้าวก่ายหน้าที่ของทนายนะครับ


เมื่อไฟใกล้ดับ จะมีควันเกิดขึ้น แต่ก็ต้องมีการฉีดน้ำหรือเฝ้าดูให้แน่ชัดว่า ไฟนั้นจะไม่ลุกลามขึ้นมาอีก  ดังนั้น  เมื่อคดีที่เหล่ายูทูปเบอร์ อาจตกเป็นผู้ต้องหา เริ่มแผ่วลง เพราะผู้สุ่มไฟหมดพลังลง  จึงถึงคราวเหล่ายูทูปเบอร์ต้องรีบช่วยดับไฟ  ด้วยการช่วยตัวเอง ไปร้องขอความเป็นธรรมกับทางเจ้าหน้าที่ ดีกว่ารอให้เป็นผู้ต้องหา แล้วค่อยขยับ นั้นหมายถึง เฝ้ามองดูว่าไฟจะดับเองหรือไม่ แทนที่จะไปช่วยดับให้สนิท  มันเข้าข่ายประมาท หรือปล่อยปะละเลยเกินไป


ร้องอย่างไร นั้นคือคำถาม ที่อยู่ในใจเหล่ายูทูปเบอร์แน่นอน ทนายขออนุญาตทนายของเหล่ายูทูปเบอร์นะครับ เอาง่ายๆ และเข้าใจไม่ยาก ก็ทำหนังสือถึง ตำรวจกองบังคับการ ปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือปทส. ให้ยุติการสอบสวน สืบสวนคดีนี้เสีย เนื่องจาก ผู้เสียหายโดยตรงคือป่าไม้ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ไม่ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ (ไม่ได้ข่าวว่าป่าไม้ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ปทส หรืออาจมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว  ก็ไม่เป็นไร ร้องเกินดีกว่าร้องขาด)


ประเด็นต่อไป คือบรรยายข้อเท็จจริงถึงสภาพที่ดิน บริเวณที่ดิน การครอบครองต่อเนื่องกันมา การปล่อยให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ การรับโอนมาโดยสุจริต การเป็นชุมชน และสภาพของที่ดินไม่เป็นป่า มีเนื้อที่เพียง ๒ งานเท่านั้น  หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กรมทางหลวง หน่วยราชการอื่นๆ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. อำเภอ ก็ทราบดีถึงเรื่องราวต่างๆ แต่ก็ไม่เคยห้ามปราม หรือว่ากล่าว แถมยังปล่อยให้มีการก่อสร้างองค์พญานาคจนเกือบแล้วเสร็จ เพื่อให้เห็นว่าที่เกิดเหตุไม่เป็นป่า แม้อยู่ในแนวป่า และทุกคนที่ตกเป็นผู้ต้องหากระทำการโดยสุจริต ไม่มีเจตนาบุกรุกป่า หรือตัดไม้ทำลายป่า แต่อย่างใด


เหตุที่ต้องยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม เพราะดีกว่าปล่อยให้ในสำนวน มีแต่ฝ่ายผู้กล่าวหาอย่างเดียว(หมายถึงพยานฝ่ายเดียว) อย่างน้อย ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาก็ยังมีข้อเท็จจริงชี้แจง  เพื่อประกอบดุลพินิจของเจ้าพนักงานตำรวจ ว่าควรจะยุติคดี  ฟ้องหรือไม่ฟ้อง  เรียกว่า อย่าปล่อยให้เขาพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานฝ่ายเดียว


สรุปคือ อย่าปล่อยให้ตกเป็นผู้ต้องหา แล้วค่อยแก้คดี  มันจะเหนื่อยและยุ่งยาก แถมค่าใช้จ่ายและอื่นๆ จะตามมา  ถ้าเป็นยูทูปเบอร์สายชาวบ้าน(ไม่ใช่สายรวย) จะลำบากแน่ สู้ๆนะครับผู้ตกเป็นผู้ต้องหาทุกคน

ทนายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล อาทิตย์ ๒๘ มีค ๖๔ ป่าตอง



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้

ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง

[คติธรรม] คมธรรมของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ