[ข่าวลุงพล] สื่อเด็กลง ลุงพลาด ตีขนาบซ้ำ
ผมมีโอกาสนั่งดูคลิปของยูทูปช่องหนึ่ง
ซึ่งเมื่อก่อน เคยเป็นยูทูปอยู่ที่บ้านลุงพล แล้วจากลากันไป
แต่วันนี้กลับมาทำคลิปล้อเลียน กัดแซะแขวะจิกลุงพล อย่างเมามันส์ ผมก็ให้สงสัยว่า
ทำเพื่ออะไร ทั้งที่ครั้งหนึ่ง คุณก็เคยมาอาศัยอยู่ที่นี่ ดูไปได้หน่อยเดียว
ทำให้ผมนึกถึงบทความชิ้นหนึ่ง ของดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากเพจ มองอีกทิศ
คิดอีกมุม เลยนำมาเล่าให้ฟัง เพื่อสะท้อนอีกบางด้านของใครก็ตามแต่
ที่ออกจากชีวิตลุงพลไปแล้ว แต่ยังตามมาตอแยไม่เลิกรา
วัฒนธรรมการซ้ำเติมผู้อื่น
จากการมีศีลธรรมของสัตว์ที่เรียกว่าคน
“โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง เมล็ดงา
ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น
โทษตนเท่าภูผา หนักยิ่ง
ปองปิดคิดซ่อนเร้น เรื่องร้ายหายสูญ”
โคลงโลกนิติบทนี้
ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยก็ยังใช้ได้จริง ในชีวิตของเรา ในสังคมที่เราอาศัยอยู่
มันเป็นเรื่องธรรมดานะครับ ที่ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต เราอาจจะต้องพบเจอกับคนบางคน
ที่มีนิสัยที่ชอบดูถูกคนอื่น ชอบค่อนขอดคนอื่น ทั้งๆ ที่หากพิจารณาดู เราจะพบว่า คนที่ชอบดูถูกคนอื่นคนนั้น
มีความสามารถ และสติปัญญา ด้อยกว่าคนที่เขาไปดูถูกเสียอีก
ที่คนด้อยสติปัญญาเหล่านี้
ชอบดูถูกคนอื่นก็เพราะว่า
1 คนเหล่านี้ เป็นคนที่เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง
มองคนที่คิดต่างจากเขา เป็นคนโง่ไปเสียทั้งหมด และมักจะให้ราคากับคนสอพลอ ที่เออออกับเขาโดยไม่ได้คิด
ไม่ได้ไตร่ตรองอะไร เลยทำให้เขาหลงลำพอง ยึดมั่นถือมั่นกับชุดความคิดบิดเบี้ยว
โดยที่ไม่เฉลียวใจว่า ตนเองต่างหากที่เป็นคนที่เข้าใจผิดๆ มาโดยตลอด การมั่นใจในสิ่งผิดๆ
เป็นระยะเวลาอันยาวนาน ท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนเมา มันก็ทำให้หลงตัวเอง เผลอทะนงคิดว่าตนเองเป็นคนฉลาด
ได้อยู่เหมือนกันนะครับ
2 คนเหล่านี้ เป็นคนที่ไม่ยอมเปิดรับมุมมองอะไรใหม่ๆ
ไม่ชอบเรียนรู้อะไรด้วยตนเอง ยึดมั่นถือมั่นกับชุดความรู้ ที่เคยเรียนมาเมื่อนานมาแล้ว
ยึดติดกับวิธีการเดิมๆ ที่เคยทำให้ตนเองประสบความสำเร็จในอดีต คือ ชุดความรู้เดิมๆ
มันไม่ใช่ว่าผิดหรอกนะครับ มันอาจจะถูก แต่มันถูกในอดีต
แต่มันไม่ถูกอีกต่อไปแล้วในปัจจุบัน และมันอาจจะยิ่งผิดมากขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับอนาคต ถ้าเราเป็นคนที่ยึดติดกับความรู้เดิมๆ ความสำเร็จเก่าๆ แบบลืมหูลืมตา
จนตามโลกใบนี้ไม่ทัน เวลาที่เราฟังแนวคิดอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เข้าใจ
เราก็อาจด่วนพิพากษาว่าคนที่พูดเสนอแนวคิดใหม่ๆ นั้นเป็นคนโง่
เขากำลังพูดเรื่องโง่ๆ อยู่ก็ได้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว สิ่งที่เขากำลังพูดอยู่
มันเป็นความรู้ที่ทันสมัยกว่าสิ่งที่เรารู้ เพียงแต่เราไม่มีสติปัญญาที่มากพอที่จะฟังสิ่งที่เขาพูดได้เข้าใจ
ก็เท่านั้นเอง
3 คนเหล่านี้ เป็นคนที่มีเงิน
เข้าถึงทรัพยากร และมีเครือข่ายอุปถัมภ์ ที่มากกว่าคนอื่นๆ
สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เขาประสบความสำเร็จขึ้นมา ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้มีความรู้
หรือความสามารถอะไรมากนัก จริงๆ แล้วถ้าเขามีความรู้และความสามารถมากสักหน่อย
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมันอาจจะมากกว่าความสำเร็จที่เขามีอยู่ในมือตอนนี้ก็ได้
ความได้เปรียบทางสังคมของเขานี่เอง เป็นปัจจัยที่ทำให้เขาหลงตัวเอง
คิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดเหนือใครไงล่ะครับ
การคิดเสียว่า คนที่ชอบดูถูกคนอื่น เป็นพวกที่ไร้สติปัญญา
ไม่มีสมอง มันก็พอที่จะปลอบใจตัวเองได้บ้างครับ แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่เป็นรูปธรรมเลย
กับการที่พอเราถูกเขาดูถูกมา ถูกเขาหัวเราะเยาะมา เราก็แอบด่าเขากลับ เพื่อให้ตัวเองสบายใจไปวันๆ
โอเค มันทำให้เราสบายใจขึ้น แต่ว่ามันทำให้ชีวิตเราดีขึ้นรึเปล่า
ก็เปล่าใช่ไหมครับ
ผมว่าบางที คนที่มีความสามารถ
และสติปัญญาที่ดีกว่า ก็สมควรนะครับ ที่จะถูกคนที่ด้อยกว่าดูถูก หรือหัวเราะเยาะ คนที่ฉลาด
และเก่งจริงๆ จะไปใส่ใจกับคำค่อนขอด คำดูถูก หรือเสียงหัวเราะเยาะ ของคนที่ด้อยสติปัญญาทำไมกันครับ
ถ้าคุณแคร์พฤติกรรมแย่ๆ ของคนเหล่านี้ นั่นไม่เท่ากับว่า คุณยอมรับว่าตัวเองเป็นคนห่วย
อย่างที่เขาดูถูกกันหรอกหรือครับ คนที่มีความสามารถที่แท้จริง
ต้องพิจารณาได้ครับว่า อะไรเป็นความคิดต่างที่มีคุณค่า และเราควรจะต้องฉุกคิดรับฟัง
อะไรเป็นคำค่อนขอด ที่เราไม่ควรไปให้ราคา อะไรเป็นความคิดเห็นสนับสนุน ที่เราสามารถนำไปขยายผล
ในสิ่งที่เราทำให้มันยิ่งใหญ่ขึ้นได้ และอะไรเป็นแค่การประจบสอพลอที่เปล่าประโยชน์
ที่เราควรจะลืมให้เร็วที่สุด
ถ้าคุณปล่อยให้คุณค่าของตัวคุณเองลดลง เพียงเพราะไปใส่ใจกับคำพูดดูถูก
ของคนที่ด้อยสติปัญญา คุณก็สมควรที่จะถูกดูถูกแล้วล่ะครับ คนที่ฉลาด และเก่งจริงๆ ใครที่ไหน
เขานั่งเฉยๆ ให้คนอื่นเขาเยาะเย้ย คนที่เก่ง และมีความสามารถจริง เขาต้อง ลุกขึ้นมาลงมือทำ
ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ตนเองคิดดีแล้วว่า มันถูกต้องอย่างสุดความสามารถ
อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมที่จะทุ่มเทแรงกาย แรงใจทั้งหมด ในการพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง
แบบไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ไม่มีรถ ก็วิ่ง วิ่งไม่ได้ก็เดิน เดินไม่ได้ก็คลาน ผมรู้ครับว่ามันเหนื่อย
และบางครั้ง เวลาที่เราเปรียบเทียบกับคนด้อยสติปัญญาบางคน ที่มีเงินมากกว่าเรา
รู้จักคนมากกว่าเรา อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเราทุกอย่าง เราอาจจะท้อบ้าง
รู้สึกน้อยใจในวาสนาของตัวเองบ้าง ว่าทำไมเราถึงไม่มีเงิน
ไม่มีใครมาช่วยมากมายแบบคนๆ นั้น คือ คุณท้อได้ครับ น้อยใจได้ครับ
แต่ต้องลืมมันให้เร็วที่สุดให้ได้ แล้วมาลุยสู้ต่อ
ถ้าคุณเป็นคนที่คิดน้อยใจ
แล้วท้อแท้ยอมแพ้ เลิกล้มความตั้งใจ
นั่นก็แสดงว่าคุณเป็นคนที่สมควรให้คนอื่นดูถูกจริงๆ นั่นแหละครับ
คนที่จะได้รับการยอมรับว่าเก่งจริง จะต้องเป็นคนที่เก่ง ที่จะเอาชนะอุปสรรค
เก่งที่จะอดทนต่อสู้ไม่ยอมแพ้ เก่งที่จะเผชิญหน้ากับข้อจำกัดทุกอย่างครับ
ไม่มีอะไรที่จะหยุดให้เขาไม่ลงมือทำได้ครับ
คนที่ด้อยสติปัญญา
มักจะมีนิสัยชอบดูถูกคนอื่น ซึ่งมันก็จริงอยู่บ้างครับ แต่ผมอยากให้เรามองให้ลึกไปอีกขั้นหนึ่งว่า
คนที่ใส่ใจกับคำดูถูก และเสียงหัวเราะเยาะของคนอื่น จนไม่ยอมลงมือทำอะไร ต่อให้คนๆ
นั้นมีสติปัญญา มันก็ไม่มีความหมายครับ และก็สมควรแล้วที่จะถูกคนห่วยๆ ดูถูก ครับ
ส่วนพี่วีระ หลงสมบุญ ได้โพสต์ข้อความ ลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัวเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
สื่อเด็กลง ลุงพลาด ตีขนาบซ้ำ
ต้นมกราข่าวลุงพลเข้าเครื่องจับเท็จ พร้อมท่านสุวัฒน์จะได้หมายจับ ทำให้สื่อหนังสือ
ทีวีบางอันรีบเอาใจสนองตำรวจ
ตีพุ่งเป้าไปที่ลุงพลสนุกดี ส่วนนายป. นักปั้นมือทอง นายอ.
ร่วมวงขุดหลุมรอลุงจนปากมัน ตอนนั้นทุกคนหายเงียบไปหมด
โดนนาบทุกวันเป็นเดือนทั้งเรื่องคดีอุ้มน้อง สร้างศาลาวัด สร้างพญานาค
ถูกยึดท่อนไม้ผุ บุกรุกป่า ตัดต้นไม้ เงินบริจาค เงินให้พระ พระพุทธชินราช
และอีกหลายเรื่อง
ถ้าเป็นคนอื่นคงจะบ้าไปแล้ว สมาคมนักข่าวรู้เห็นตามตลอด
ผมจึงต้องออกโพสต์กันหมายจับ
วันนั้นลุงคงเครียดจึงดึงขอถือไมค์ ตบหลัง 2 เพี๊ยะนักข่าว สมาคมทั้ง 2
รีบแถลงเอาผิดลุงเหมือนไฟไหม้ เรื่องเล็กนิดเดียวลืมซะก็ได้ ไปแจ้งความ
1 ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์
ทั้งที่ไม่เข้าองค์ประกอบ
ลักและชิงต้องดูไม่ให้คนเห็น
แต่นี่ต่อหน้าคนเยอะแยะ
2 ทำร้ายร่างกาย สมัยเรียนมัธยม ครูชกหัวไหล่ ตบหลังหนักพอกัน เด็กหัวเราะ
แต่นักมวยตัวโตกว่าทำท่าเจ็บกว่าเด็ก
3 คุกคามสื่อ คำว่าคุกคามควรใช้กับรัฐบาล
หรือผู้มีอิทธิพลขมขู่ในที่ลับ
แต่ลุงดึงขอถือไมค์ ตบหลังในที่แจ้งต่อหน้าฝูงชน ผิดหนักเช่นนั้นเชียวหรือสมาคม
คนในสมาคมสื่อทุกคน มีการศึกษาดี
รู้เห็นการเสนอข่าวมาตลอด 8-9 เดือน
รู้ว่าลุงถูกกระทำมากมายจากสื่อเองด้วย
ควรมีน้ำใจเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้
วีระ หลงสมบุญ

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น