[ข่าวลุงพล] เปลี่ยนตัวเองใหม่ ก่อนจะเสียเพื่อนไปจริงๆ


 

สาง ไดอารี่ เปลี่ยนตัวเองใหม่ ก่อนจะเสียเพื่อนไปจริงๆ

 

ในวันที่ความจริง ค่อยๆ เผยแย้มมิตรภาพ ของคำว่าเพื่อนแท้ออกมาทีละนิด ผมก็เฝ้าตามติดความเปลี่ยนผ่านของใครหลายๆ คน ที่ยืนยันว่าจะอยู่ข้างลุงพลตลอดไป ป้าจำรอง ย่าอชิ อีกมากมายหลายช่องของยูทูป ที่ยังเคียงข้างลุงพล แม้จะโดนวิบากกรรม รวมคดีความที่ติดตัวมาอย่างคาดไม่ถึง


ขณะใครบางคน ซึ่งผมมั่นใจว่า ผมจำชื่อแกไม่ได้ จำไม่ได้จริงๆ คนที่ตีชิ่งทิ้งห่าง ระหว่างทางร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ใครคนนั้นที่เป็นคนปักธูปกลับหัวเป็นคนแรก แต่กลับมาแหกปากร้องลั่น ในวันที่ลุงพลปักธูปกลับหัว  ตั้งตัวเป็นแกนนำ ล่ารายชื่อชาวบ้าน ขับไล่ลุงพลออกจากบ้านกกกอก


ใครบางคนที่ทำยูทูปและฝากช่องของตัวเอง ด้วยการเอาชื่อคนที่ตัวเองบอกว่าเป็นเพื่อนแท้ มาเว้าวอนขอกำลังใจจาก FC ใครบางคนที่ไลฟ์สดที่สำนักสงฆ์ภูหลวง ใครบางคน ที่เกณฑ์ชาวบ้านไปร่วมลงรายชื่อ ขับไล่ยูทูปต่างถิ่นออกจากบ้านกกกอก ใครบางคน ที่พร่ำบ่นทวงค่าส้มตำ


นี่อาจเป็นบุคคลเพียงคนเดียว ที่ลุงพล อาจเก็บซ่อนความรู้สึกส่วนตัว เอาไว้ในใจเงียบๆ ตั้งคำถามกับใจตัวเอง หรืออาจจะมากมายสารพันปัญหา ที่แวะมาแทะโลมจิตใจของลุงพล พร้อมคำถามที่ต้องการคำตอบว่า ทำไม


คนในชีวิตที่เราควรรักษา คือคนที่เห็นคุณค่าของเรา ทั้งต่อหน้า และลับหลัง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์รูปแบบใด จะเพื่อน พี่น้องในครอบครัว คนรัก หรือสามีภรรยา เราก็อยากมีค่ากับคนที่เรารักเสมอ ในทุกความสัมพันธ์ เราต่างเกลียดกลัวการถูกทรยศ หักหลังในความสัมพันธ์ การปฏิบัติต่อกัน แบบต่อหน้าและลับหลัง ที่ไม่เหมือนกัน มันแสดงถึงความไม่จริงใจ จนขาดความวางใจและเชื่อใจ


เราไม่ควรเก็บ หรือรักษาคนเหล่านั้นไว้ใกล้ตัวเท่าไหร่ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะแว้งกัดเรา ทำอันตรายเรา หรือทำให้เราเจ็บเมื่อไหร่ เมื่อความสัมพันธ์มีคำว่า โกหก หลอกลวง หรือหักหลัง มันทำให้เราเจ็บปวดเสมอ ไม่ว่าต่อหน้า จะมีคุณค่าสักเพียงไหน แต่ถ้าลับหลังมันไม่ใช่ มันก็ไม่ควรไปต่อ


คนดีต่อหน้าเราที่โกหก หรือหักหลังเราได้ในวันนี้ คือคนร้ายที่อันตราย และไม่น่าไว้ใจมากที่สุด เราไม่ควรเรียกเขาว่าคนดี

เพื่อนรัก ที่ปากบอกรัก เป็นห่วงเราเสมอต่อหน้า แต่ลับหลังด่า และนินทาเราเสียๆ หายๆ จนไม่มีชิ้นดี กลับทำร้ายน้ำใจเพื่อนได้ลงคอ


คนรัก ที่ผูกพัน ให้ความเชื่อใจกันมาตลอด แต่กลับนอกใจ และโกหกเสมอ ไม่ได้ให้คุณค่าเราเหมือนคำว่ารักที่มีให้ กลับทำร้ายคนรัก ให้ทรมานกับการไม่ซื่อสัตย์ และจริงใจต่อกัน


เพื่อนจะเรียกตัวเองว่าเพื่อนได้อย่างไร เมื่อไม่ได้หวังดีกับเพื่อน ความซื่อสัตย์ คือพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ ที่ทำให้มันยั่งยืนและสวยงาม วันใดหมดความซื่อสัตย์ต่อกัน ก็จะไม่เหลือพื้นที่ให้ไว้วางใจ เชื่อใจกันอีกต่อไป ถ้าต่อหน้ากับลับหลังไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะสถานะไหน ไม่มีใครควรได้รับความรักที่ดีทั้งนั้น


คนที่ปากบอกรัก และทำดีกับเราต่อหน้า แต่ลับหลังถือมีดพร้า อย่าเก็บเอาไว้ใกล้ตัวจะดีที่สุด คนที่ดีกับเรา ถ้าเขาดีจริง เขาจะดีเสมอ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง จะอยู่กับเราหรืออยู่กับใคร เราจะมีคุณค่าในสายตาของคนคนนั้นเสมอ

 

อาจดูเป็นเรื่องที่ห้ามกันได้ยาก เพราะความรู้สึกไม่ดี ที่แวบเข้ามาในใจนั้น มันไม่ได้ออกไปง่ายๆเหมือนตอนที่เข้ามา หลายคนคิดแล้วคิดอีกว่า ตัวเองทำอะไรผิดหรือไม่มีคุณค่าพอ ที่เพื่อนจะคบต่อใช่ไหม แต่ก่อนที่จะตีตัวออกห่าง เพราะคิดว่าเพื่อนคนนั้น ไม่สนใจเราอีกต่อไปแล้ว เราอาจจะต้องทำให้แน่ใจก่อนว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ การคิดหรือการรู้สึกไปเองของเรา


เพื่อความชัวร์ การลองเช็กให้แน่ใจจากเพื่อนคนนั้นว่า เขาได้ลดความสำคัญของเราลงจริงๆ หรือเปล่า หรือเป็นเพราะเขา อาจจะแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเจอผู้คนใหม่ๆ บ้าง น่าจะสบายใจกว่าเราต้องมานั่งนึกเอาเอง


เพราะในแง่หนึ่ง ขณะที่อารมณ์น้อยใจกำลังพลุ่งพล่าน เราย่อมอยากที่จะให้เพื่อนคนนั้น เทความสนใจทั้งหมดมาให้เรา หรือให้ความสำคัญกับเราเป็นอันดับแรก แต่เมื่อไม่เป็นไปอย่างที่คิด ความรู้สึกเชิงลบจึงเกิดขึ้น ต้นตอที่เห็นได้ชัดคงเป็น ความคาดหวังว่าเขาจะต้องมาสนใจ เป็นความคาดหวังที่เขาอาจจะไม่ได้รับรู้กับเราเลยด้วยซ้ำ เป็นเราที่ติดอยู่กับความขุ่นมัวนี้เพียงคนเดียว ดังนั้น ยิ่งเราตึง งอน ไม่พูดไม่จา ก็อาจจะทำให้เพื่อนคนนั้น เป็นฝ่ายอยากตีตัวออกห่างจากเรา มากขึ้นเรื่อยๆ


หากจะหาว่าเรื่องนี้ ใครเป็นคนผิด ก็คงจะพูดได้ยาก เพราะไม่ใช่ความผิดของเพื่อนเรา ที่จะไปใช้เวลากับคนอื่นบ้าง แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของเรา ที่จะรู้สึกน้อยใจ กับการถูกทิ้งหรือมองข้าม แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความรู้สึกขุ่นมัวต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องรีบจัดการ แล้วเราจะต่อสู้กับเรื่องราวทั้งหมดนี้ ก่อนจะสายไปได้ยังไง


อาจจะเริ่มที่เรา พยายามไม่ปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง ปล่อยให้ความรู้สึกหวง อิจฉา น้อยใจ เศร้า หรือโกรธ ค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เรารู้ตัวดีว่าเราไม่โอเค เรารับไม่ได้กับความผิดหวังตรงนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่หลังจากที่เรา ได้ติดอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นสักพัก จนมันจะค่อยๆ จางลง เราจะรู้สึกเหมือนเรา ได้ออกมายืนมองเรื่องทั้งหมด จากมุมมองข้างนอก และเรียนรู้ว่าความรู้เหล่านั้น ไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณ กับเพื่อนซี้ดีขึ้นเลยสักนิด มีแต่จะแย่ลงไปเรื่อยๆ และในท้ายที่สุด เมื่อความรู้สึกหวงแหนนั้น ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เราจะค่อยๆ รู้สึกว่า เราเป็นอิสระจากอารมณ์และความรู้สึกเหล่านั้นมากขึ้น เราจะคาดหวังในตัวเขาน้อยลง และความหวงหรืออิจฉา ก็จะทำอะไรเราไม่ได้อีกต่อไป


ถึงแม้เพื่อนจะมีส่วนสำคัญในชีวิต แต่อย่าลืมว่า เขาไม่ได้ใช้ทั้งชีวิต เพื่อมาสร้างความสำคัญให้กับเรา เราไม่ใช่เจ้าของชีวิตใคร ทุกคนล้วนแล้วแต่มีชีวิตเป็นของตัวเอง หรือแม้กระทั่งเราก็เช่นกัน ในเมื่อคนอื่นเลือกที่จะมีความสุข บนเส้นทางที่อาจจะมีเราบ้าง ไม่มีเราบ้าง เราเองก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุขในแบบเดียวกัน ช่วงเวลาว่างๆ เหงาๆ ที่ไม่ได้เจอเพื่อนคนนั้นบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน อาจจะลองหาอะไรที่ทำแล้วรู้สึกสำคัญในตัวเองมากขึ้น เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียว เช่น ทำอาหาร อ่านหนังสือ หรือสร้างสรรค์งานศิลปะสักชิ้น แล้วเราจะรู้ว่า ในชีวิตเรายังมีเพื่อนรักอีกคนหนึ่งซ่อนอยู่ นั่นก็คือ ตัวเราเอง

 

ต่างคนต่างแยกย้ายกันเดินทาง แล้วกลับมาเจอกันในวันที่ตัวเองเติบโตมากขึ้น อาจจะดีกว่าการใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ไม่ได้มีชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ หากคนเราต้องการที่จะมีกันไปตลอด ยังไงเสีย พวกเขาก็จะหาทางอยู่ด้วยกันให้ได้ในที่สุด ไม่ใช่แค่เฉพาะมิตรภาพระหว่างเพื่อน แต่สำหรับทุกๆ ความสัมพันธ์บนโลกใบนี้



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา