[ข่าวลุงพล] สาง ไดอารี่ Ep4 ลูกศิษย์ทรพี่ คิดล้างครู เอาวิชาความรู้ ไปทำมาหากิน


 

สาง ไดอารี่ ลูกศิษย์ทรพี คิดล้างครู

 

            เงียบเหงาเป็นเต่าไข้ เนิ่นนานหลายเดือน แล้วก็ค่อยๆ ลบเลือนไปจากความทรงจำ จนลืมทุกการกระทำ ที่เคยสร้างวีรกรรมเอาไว้ มาวันนี้ ผีห่าซาตานตนใด ดลใจให้แม่นาง หยิบเรื่องราวบางอย่าง มาเองอ้างเข้าข้างตน


            หลังจากที่ลุงพล ร่วมเดินแบบที่งานกาชาดจังหวัดมุกดาหาร จบงานด้วยความชื่นมื่น เหล่า FC ร่วมยินดีปรีดา แล้วก็เกิดกระแสดรามา เป็นคลื่นเล็กๆ กระทบฝั่ง พอหอมปากหอมคอ


            ประเด็นที่ทำให้ผมค้างคาใจคือ เมื่อพี่สาวท่านหนึ่ง ส่งคลิปคลิปหนึ่งมาให้ผม ชื่อคลิปว่า ขวัญใจหมู่บ้าน อดีตและปัจจุบัน เปลี่ยนไปหรือเปล่า ย้อนรอยคนเป็นข่าว ผมตั้งใจดูอย่างพินิจพิเคราะห์ เห็นหน้าเจ๊ โผล่แทรกมาตอนเปิดหัวรายการ ซวยแล้ว ผมสบถเบาๆ แล้วตั้งใจดูคลิปอย่างตื่นเต้น


            เปิดประเด็นมา ฮาเบาๆ เจ๊คนสวยของเรา จุดไฟเผา หวังเอาเรตติ้ง เป็นไปตามคาด ผมผรุสวาท ภาษาสมัยพ่อขุนรามคำแหง ขณะที่เจ๊คนสวย โปรยคำพูดเปิดหัวรายการ หว่านรอยยิ้มจนผมละเลียดกาแฟไม่ลง คำพูดพิมพ์นิยม ยังใช้ได้เสมอ


เจ๊คนสวยละเมียดคำราวกับนางเอกว่า เจอสองลูกศิษย์ทรพี ทรยศ คิดล้างครู เอาวิชาความรู้ ไปเดินแบบหากิน

บุคคลที่เนรคุณ ต่อคนที่เคยประสิทธิ์ประสาท วิชาความรู้และศิลปะวิทยาการให้ หรือที่เรียกว่าศิษย์คิดล้างครู ไม่ได้หมายถึงลูกศิษย์ที่เก่งกว่าครู ศิษย์ที่เก่งนั้น เป็นสุดยอดความปรารถณาของครูทุกคน แต่ว่าเมื่อเก่งแล้วต้องไม่เหยียดหยาม เนรคุณ หรือข่มเหงคนที่เป็นครูของตน แต่ในทางตรงกันข้าม ควรที่จะให้ความเคารพ นับถือ บูชา ครูผู้ให้ความรู้แก่ตน


ศิษย์ล้างครู ในทางบวก ครูก็ย่อมอยากให้ศิษย์เก่ง สิ่งที่จะวัดผลได้ดีที่สุดก็คือ ศิษย์จะเปลี่ยนแปลงไปได้แค่ไหนต่างหาก เรียนจบมันแค่มโน แต่ไปทำจริง โลกมโนเปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่า สอนให้ลุงพลเดินแบบแล้ว ทุกท่วงท่าการเดินเหิน ต้องเป๊ะๆ สถานการณ์จริง กับสถานการณ์จำลอง มันคนละแบบอย่างกัน


คติธรรมคำสอนของพระอริยะเจ้า เคยสอนไว้ว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไรประเสริฐสุดเท่า คุณธรรมคุณธรรมที่จะเป็นสิ่งประเสริฐสุด ต้องเป็นคุณธรรมที่มีในเราเอง พูดถึงประเสริฐก็ประเสริฐ พูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ก็ศักดิ์สิทธิ์ พูดถึงความขลังก็ขลัง จึงว่าในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่จะประเสริฐเท่าคุณธรรม ใครต้องการความขลัง ใครต้องการความศักดิ์สิทธิ์ ใครต้องการความเป็นสิริมงคล ทำเราให้มีคุณธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ทำเราให้มีคุณธรรมเข้าไว้ ตามกำลังความสามารถ ทำให้เกิดให้มีขึ้นได้ และทำให้เรื่อยๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป คุณธรรมก็มีแต่จะเพิ่มพูน เหมือนกับน้ำที่หยดใส่ภาชนะ


คุณธรรมที่จะสมบูรณ์ในจิตในใจของเรา อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นความดี อะไรเป็นคุณธรรม ทำให้เกิดขึ้น เพิ่มพูนขึ้นเสมอในจิตในใจของเรา ในเมื่อเพิ่มพูนอยู่เสมอ ในที่สุดคุณธรรมนั้น ก็เต็มสมบูรณ์ขึ้นที่ใจ


ในเมื่อคุณธรรมสมบูรณ์ขึ้นที่ใจแล้ว ความขลัง หรือความศักดิ์สิทธิ์ ความเป็นสิริมงคล เกิดขึ้นแล้ว มีขึ้นแล้ว ก็ไม่จำเป็น ต้องไปหาความขลังความศักดิ์สิทธิ์ภายนอก เช่นกัน ในเมื่อเจ๊มั่นใจแล้วว่า ลุงพลเป็นลูกศิษย์ เจ๊ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ลุงพลแล้ว เจ๊มีคุณธรรมในใจแล้ว สิ่งแรกที่เจ๊ต้องทำคือ เจ๊ควรแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ ในฐานะครูผู้ให้ ไม่ใช่มาจิกกัด ระรานลูกศิษย์ หวังเหยียบให้จมดิน


ถ้าเจ๊ยังไม่สาแก่ใจ ลองย้อนกลับไปดูวันแรก ที่เจ๊วิ่งเข้ามาหาลุงพล ในงานที่เต่างอยนะครับ ยังจำคำพูดตัวเองได้ไหมครับ แต่ผมลืมหมดแล้ว


ส่วนคำว่า ลูกศิษย์ทรพี ทรยศ คิดล้างครู เอาวิชาความรู้ ไปเดินแบบหากิน ผมว่าแล้ว ที่เจ๊แกออกอาการกระฟัดกระเฟียด เพราะวิชาเดินตูดบิด ที่ลุงพลแกเดิน เจ๊คนสวยไม่เคยสอนลุงพลนี่หว่า



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา