[ข่าวลุงพล] สาง ไดอารี่ Ep7 ร้อยลิ้นกะลาวน ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร


 

สาง ไดอารี่ ร้อยลิ้นกะลาวน ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูที่ถาวร

 

มีประโยคประโยคหนึ่ง ซึ่งใครถ่มถุยเอาไว้ผมไม่รู้ ผมอ่านเจอในเฟซบุ๊ค กลุ่มลุงพลป้าแต๋นแฟมิลี่ กับประโยคที่ว่า มันหนีไปแล้ว เก่งไม่จริงนี่หว่าซึ่งเท่าที่ผมตามข่าวของลุงพล เมื่อวานนี้ ลุงพลเขาก็มีงานที่ได้รับเชิญไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เป็นงานบุญใหญ่ คนสายบุญเขาจะรู้กัน ส่วนสายสาง อาจจะไม่รู้จัก


คนที่ถ่มถุยประโยคนี้ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า อย่าให้คนเขาพูดได้นะว่า ไม่ดูตาม้าตาเรือ เวลาของทุกคนมีค่า มีค่ามากกว่าที่จะมานั่งให้ราคาคุณ และขึ้นอยู่ที่ว่า ใครจะใช้เวลาที่มีค่าของตัวเองให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่ากัน ผิดกับที่คุณเห็นใช่ไหม คุณเองนั่นแหละ ที่วิ่งมาขอรับอานิสงค์ลุงพลกับป้าแต๋น


ส่วนประโยคที่ว่า มันหนีไปแล้ว เก่งไม่จริงนี่หว่า มันมีปรัชญาที่คลาสสิคมากคือ คนเก่งจริง และฉลาดจริง มักมีคุณสมบัติดังนี้

เป็นคนพูดเก่ง แต่ไม่พูดมาก เพราะรู้ว่า เขาจะฉลาดขึ้นได้ด้วยการฟัง มีความรู้หลายด้านมากกว่าอาชีพที่ทำ และมักจะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ จัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ มีสมดุลในชีวิตระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว และเต็มที่กับทุกเรื่องที่ทำ ไม่ใช้ Social Media ตลอดเวลา แต่ใช้รับข้อมูลที่สนใจ และส่งต่อความคิดดีๆ ให้กับคนอื่นเสมอ กลับมายิ้มได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีสิ่งเลวร้ายเข้ามาในชีวิตก็ตาม รู้ว่าตัวเองมีความสามารถ แต่ไม่เคยเสียเวลาภูมิใจ กับความสามารถของตนเอง ไม่ต้องเป็นผู้นำ แต่สามารถดึงความสามารถของคนในทีม มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้เสมอ ไม่อวดความสามารถที่แท้จริง ว่าเจ๋งแค่ไหน แต่จะพิสูจน์ได้เสมอเมื่อถึงเวลาต้องใช้มัน อาจมีหรือไม่มีการศึกษาสูง หรือไม่จบจากสถาบันมีชื่อเสียง แต่มีผลงานการันตีความสามารถเสมอ ไม่เคยทำให้คนอื่นรู้สึกโง่เมื่อเค้าทำผิดพลาด แต่ให้โอกาส คำแนะนำ และให้กำลังใจที่ดีเสมอ


ประโยคที่คุณถ่มถุยไว้ มันทำให้ผมนึกถึงคำกล่าวที่ว่า ไม่มีใครเลี้ยงข้าวใครเปล่าๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงเท่าไหร่นัก ผู้ทำการใหญ่ทั้งหลายมักมองว่า สิ่งที่ตนได้นั้นคืออะไร คุ้มค่าแค่ไหนที่จะทำ ซึ่งผลประโยชน์ที่ว่านี้ แต่ละคนก็จะมีความหมายที่แตกต่างกันไป บางคนเพื่อทรัพย์สินเงินทอง บางคนเพื่อชื่อเสียง บางคนเพื่ออำนาจยศถาบรรดาศักดิ์


เมื่อใดก็ตามที่มีเป้าหมาย หรือศัตรูตรงกัน ก็มักจะเกิดความร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้น แต่หากขัดผลประโยชน์เมื่อไหร่ ก็พร้อมที่จะห่ำหั่นกันได้ทุกเวลา อย่างที่รู้กันว่า มหากาพย์กกกอกนั้น มีหลักที่แน่ชัดแล้วว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร


ความแปรผันทางมิตรภาพ ถือเป็นสิ่งที่ย้ำเตือน ว่าเราต้องรู้จักวางตัวให้เหมาะสมอยู่เสมอ หากเป็นศัตรู ก็อย่าได้โหดเหี้ยมจนไม่อาจร่วมโลกได้ หากเป็นมิตรก็อย่าได้แน่นแฟ้น เชื่อใจไปเสียทุกอย่าง ผู้ที่อยู่ในเส้นทางนี้ จึงจะสามารถอยู่ร่วมกับทั้งมิตรและศัตรู ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมที่สุด


            เมื่อเสียหลักก็ต้องหลบอย่างฉลาด เมื่อพลั้งพลาดต้องรู้หลีกใส่ปีกหาง ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ คลำทาง จึงจะย่างสู่จุดหมายเมื่อปลายมือ ผู้ที่มีสติปัญญานั้น อาจจะมีวันล้มลงได้เช่นกัน สิ่งนี้ควรพึงระลึกเอาไว้เสมอ ดังนั้น จำเป็นต้องรู้จักหาทางหนีทีไล่เอาไว้บ้าง เมื่อถึงเวลา จะได้ทำได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อย่างนี้ จึงจะไม่ได้ถูกประณามว่า มีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด


เหมือนคำกล่าวที่ว่า เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร อำนาจที่มาพร้อมกับความเมตตา ย่อมเป็นอำนาจที่แท้จริง อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คืออำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คืออำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย


เมื่อใดที่มีอำนาจวาสนาอยู่ในมือ พึงระวังการใช้เป็นอย่างยิ่ง หากใช้ดีมีความเมตตา ย่อมเกิดผลดี หากใช้ชั่วช้าดั่งคนพาล ก็ย่อมเกิดผลร้ายตาม ซึ่งอันว่าจะดีหรือเลวนั้น ล้วนอยู่ที่ตัวผู้ใช้แทบทั้งสิ้น



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา