[ข่าวลุงพล] สาง ไดอารี่ Ep8 คำพูดนั้นสำคัญไฉน คำพูดกลับกลอก เก็บไว้หลอกใจตัวเอง
สาง ไดอารี่ คำพูดนั้นสำคัญไฉน คำพูดกลับกลอก เก็บไว้หลอกใจตัวเอง
ความฉลาด เป็นเหมือนดาบสองคม หากนำไปใช้ในทางที่ชอบ ย่อมเกิดประโยชน์มากมายมหาศาล ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น แต่หากนำไปใช้ในทางที่ผิด ก็ย่อมสร้างความเสียหายได้อย่างใหญ่หลวง ยิ่งฉลาดมาก
ก็ยิ่งทำผิดได้มาก แถมยังสามารถทำผิดให้เป็นถูก
ได้อย่างแยบยล
เพราะคนที่คิดว่าตัวเองฉลาด
มักจะหาเหตุผลดีๆ มาเป็นข้ออ้างในการทำความผิดได้เสมอ และเหตุผลนั้น
ก็มักจะดูสมเหตุสมผลซะด้วย สมเหตุสมผลซะจนกระทั่ง หลอกได้ทั้งตัวเองและผู้อื่น ดังนั้น
คนที่อวดอ้างว่าตัวเองฉลาดทั้งหลาย จึงควรหมั่นเตือนตนอยู่เสมอๆ ว่า อารมณ์และคำพูดคือกับดับของความฉลาด เพราะหากวันใดที่เราประมาท
มันสามารถที่จะหลอกลวงเรา ให้เห็นผิดเป็นชอบได้ และบางทีกว่าที่เราจะได้สติรู้ตัว เราอาจกลายเป็นคนชั่ว
โดยไม่ได้ตั้งใจ
ในความเป็นจริงแล้ว
ไม่มีอะไรอยู่กับเราได้ตลอดเวลา ทั้งความทุกข์และความสุข อดีต
ปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอนาคต สำคัญคือ ต้องอยู่อย่างเข้าใจมัน คนเราส่วนใหญ่ฉลาด
เว้นแต่เวลาที่โง่ งานชีวิตที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง ที่เราต้องรับผิดชอบ จึงอยู่ที่การฝึกป้องกันความคิด
ความฉลาดของเรา ไม่ปล่อยให้อารมณ์ บีบบังคับใจเรา ให้เกิดภัยพิบัติ
หลังจากที่ได้ติดตามข่าวใครบางคน ที่ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง พูดแล้วคืนคำ กลับคำ โดยที่คุณอาจมีความละอาย ที่เก็บซ่อนไว้ในใจ เพียงแต่คุณไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมา คุณเลือกที่จะทำตรงข้ามกับคำพูด ที่คุณเคยลั่นสัจจะวาจาเอาไว้ แล้วดันทุรังทำ แบบไม่อายฟ้าดินอินทร์พรหม แถวบ้านผมเรียกอาการแบบนี้ว่า หน้าด้าน คุณมีความรู้สึกอายบ้างหรือเปล่า
คนที่ชอบพูดแล้วคืนคำ
หรือโกหกคนอื่นจนเป็นนิสัยนั้น ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาสร้างเรื่องขึ้นมา
เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกดี มีความมั่นใจ ในการเข้าร่วมสังคม
ในขณะที่บางคนนั้นสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อปฏิเสความจริงในชีวิตตนเอง
ไม่มีความภูมิใจในตนเอง ทำให้ต้องสร้างเรื่องพวกนี้ขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าเป็นไปในทิศทางที่ไม่ดี ก็จะรีบกลับคำพูด เพื่อให้ได้รับการยอมรับ
และมีตัวตนอยู่ในสังคม อาการเหล่านี้จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากที่เกิดกับคนรอบข้าง
ก็เริ่มสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง ด้วยการสร้างเรื่องกับคนแปลกหน้า
อาการในลักษณะนี้ คือคนที่ชอบหลอกตัวเอง
เพราะต้องการลบปมบางอย่างในใจ โดยไม่สนใจว่าเรื่องที่พวกเขาสร้างขึ้นมานั้น
จะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นมากมายขนาดไหน
สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล พูดไปสองไพเบี้ย
นิ่งเสียตำลึงทอง พูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดชั่วอัปราชัย นี่คือสำนวนสุภาษิตไทย
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร
จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
บางถ้อยท่อนบทกวี จากเรื่องนิราศภูเขาทอง ของสุนทรภู่
จากตัวอย่างสำนวนสุภาษิต และบทกวีข้างต้น จะเห็นได้ว่า
การพูดนั้น มีความสำคัญทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ถ้าพูดดี ก็เป็นสิริมงคล ทั้งผู้พูดและผู้ฟัง
ถ้าพูดไม่ดี ก็อาจจะนำภัยมาสู่ทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟังได้เช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่าการพูด นั่นก็คือคำพูด
เพราะไม่ว่าเราจะพูดอะไรออกไป เราต้องรับผิดชอบในคำพูดของเรา
ดังคำกล่าวที่ว่า ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด
แต่หลังพูดคำพูดเป็นนายเรา สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในสังคมไทยปัจจุบันก็คือ
การไม่รักษาคำพูด เรามักจะให้คำมั่นสัญญากับผู้คน ได้อย่างง่ายดาย
โดยไม่ใส่ใจที่จะปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ไว้ ยกตัวอย่าง เช่น การนัดหมายใดๆ ก็ตาม เราไม่เคยใส่ใจที่จะไปให้ตรงเวลา
เราสามารถไปสายได้เป็นชั่วโมง โดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
คนที่มาก่อนเวลาซะอีก
ที่กลับถูกมองว่าเป็นมนุษย์ประหลาด คร่ำครึเกินไป เถรตรงเกินไป จริงจังกับชีวิตเกินไป
จะอะไรกันนักหนา แต่เราอาจลืมไปว่า
ระดับความสัมพันธ์ระหว่างคำพูด กับการกระทำของเรา
จะเป็นตัวบ่งชี้ระดับความน่าเชื่อถือในตัวเรา ถ้าคำพูดกับการกระทำของเรา
ไปคนละทิศละทาง ระดับความน่าเชื่อถือในตัวเรา ก็คงจะต่ำมาก
แต่ถ้าคำพูดกับการกระทำของเรา ไปในทิศทางเดียวกัน
ระดับความน่าเชื่อถือในตัวเรา ก็จะสูงมากเช่นกัน ฝรั่งเขามีสำนวนๆ หนึ่ง คือ I walk my talk มีความหมายว่า
ฉันทำในสิ่งที่ฉันพูด คือพูดอะไร สัญญาอะไร ก็ทำตามนั้นเสมอ เช่น
ถ้านัดกันไว้ว่าจะมา 9 โมงเช้า ก็ต้องมาไม่เกิน 9 โมงเช้า สัญญาว่าจะไม่ไปเหยียบสถานที่นั้นๆ
ดั่งเช่นใครบางคนเคยพูดไว้ ก็ปฏิบัติตามนั้นโดยเคร่งครัด ประกาศว่าจะไม่ข้องเกี่ยว
หรือแม้กระทั่งเผาผี สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเอง
เมื่อไหร่ที่คำพูดและการกระทำของเรา เป็นสิ่งเดียวกัน
100
เปอร์เซ็นต์ เมื่อนั้นระดับความน่าเชื่อถือในตัวเราก็จะเต็มร้อยเช่นกัน บางท่านอาจมีข้อสงสัยว่า
ในกรณีที่เรา ได้ให้คำพูดกับอีกฝ่ายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมาย หรือการให้คำสัญญาใดๆ
ก็ตาม แล้วเกิดปัญหาบางอย่าง ที่ทำให้เราไม่สามารถทำตามคำพูดที่ให้ไว้ได้ เราจะต้องทำอย่างไร
จึงจะไม่ถือว่าเป็นการไม่รักษาคำพูด ผมมีคำแนะนำง่ายๆ ดังนี้ครับ
เมื่อทราบแน่ชัดแล้วว่า ยังไงเราก็ไม่สามารถทำตามคำพูดที่ให้ไว้ได้
ให้สื่อสารกับอีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ โดยแสดงความเสียใจ และกล่าวคำขอโทษจากใจจริง
แจ้งสาเหตุที่ทำให้เรา ไม่สามารถทำตามคำพูดที่ให้ไว้ได้ และให้คำพูดที่เรามั่นใจว่า
เราทำได้กับเขาใหม่อีกครั้ง
แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งก็คือ
อย่าผิดคำพูดบ่อยเกินไป ซึ่งคำว่าบ่อยเกินไป ก็คงไม่สามารถกำหนดเป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ครับ เพราะขีดจำกัดความอดทนอดกลั้นของแต่ละคน
ย่อมแตกต่างกัน สรุปง่ายๆ ก็คือ
พยายามให้มันเกิดขึ้นน้อยที่สุด เป็นดีที่สุดครับ
เพราะถ้ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ความน่าเชื่อถือในตัวเราก็จะหมดไปในที่สุด
และหลังจากนี้ผู้คนก็จะไม่ยอมรับฟังคำพูดของเราอีกเลย เพราะฉนั้น
ก่อนให้คำพูดกับใคร ต้องมั่นใจเสียก่อนว่า เราสามารถทำสิ่งนั้นได้ อย่ารับปากพล่อยๆ
เพียงเพื่อจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งประทับใจ เพราะสุดท้ายถ้าเราทำไม่ได้
ความเสียหายที่จะเกิดขึ้น อาจมากมายชนิดที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น