[ข่าวลุงพล] วัฒนธรรมแห่งการดูถูกว่า ยูทูปเบอร์ภูธร
วัฒนธรรมการดูถูก ยูทูปเบอร์ภูธร
ผมอ่านเจอคอมเมนต์หนึ่ง
แล้วไปสะดุดคำว่า ยูทูปเบอร์ภูธร บริบทของคอมเมนต์ บ่งชี้ได้เป็นอย่างดีเลยว่า
เจ้าของคอมเมนต์ ใช้อารมณ์ส่วนตัว หมิ่นแคลนยูทูปเบอร์บ้านกกกอก
ทำไมต้องบอกว่ายูทูปเบอร์ภูธร คุณเอาอะไรมาเป็นตัวตัดสิน คนที่ทำอาชีพยูทูปเบอร์
ล้วนมีศักดิ์ศรีไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่ที่คอนเทนต์ของแต่ละคน มุมมอง หรือคลิปต่างๆ
ที่พวกเขาได้ถ่ายทอดลงในช่องของพวกเขา คุณต้องมองที่เนื้องานด้านในสิ
ใครมีวิสัยทัศน์ หรือการนำเสนอเรื่องราว ที่เป็นสารประโยชน์
ไม่ใช่ว่า
ยูทูปเบอร์ที่เขาอยู่ต่างจังหวัด จะต้องเป็นยูทูปเบอร์ภูธรเสมอไป เช่นกัน
กับวัฒนธรรมแห่งการดูถูกผู้อื่น ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วไป
การโพสต์ข้อความที่หยาบคาย ด่าทอ ตำหนิ ติติง วิจารณ์ผู้อื่นอย่างรุนแรง
ก้าวร้าว สะท้อนมุมมองที่เป็นด้านลบ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
1. อาจจะเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งก็ได้
เช่น มีภาวะจิตหลอน คิดเอง เออเอง คิดอะไรในแง่ลบ คิดเป็นตุเป็นตะ ว่าบางคนเป็นผู้ก่อการร้าย
เป็นคนไม่ดี ด้วยความหลอนของเขาเอง หากคนที่มีภาวะจิตหลอน เข้าถึงอินเทอร์เน็ต ก็อาจจะใช้อินเทอร์เน็ต
ในลักษณะที่เป็นปัญหา แต่กรณีแบบนี้ไม่ได้เจอบ่อยนัก และอาจจะมีพฤติกรรมอย่างอื่น ที่ทำให้สังเกตเห็นได้
นอกเหนือจากการโพสต์ข้อความด่าทอผู้อื่น ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หรือส่งบัตรสนเท่ห์ด่าคนอื่น
2.อาจเป็นโรคทางอารมณ์ เช่น ไบโพลาร์
เป็นช่วงอารมณ์ขาขึ้นที่เกรี้ยวกราด ด่าทอ สมมติว่า ตนไข้รู้สึกต่อต้านบางคน
อยากด่า อยากว่า นอกจากจะด่าให้คนรอบข้างฟังแล้ว อาจจะยังไม่สะใจ
ก็อาจจะหาช่องทางอื่น เช่น มีโอกาสโพสต์ข้อความ ลงในเว็บไซต์ก็โพสต์
เขียนด่าได้ก็เขียน ตรงนี้เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งของคนที่เป็นโรคไบโพลาร์
3.กลุ่มออทิสติก
ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ตั้งแต่วัยเด็ก แต่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
บางรายมีความหมกมุ่นสนใจในเรื่องของคนบางคน หรือพฤติกรรมบางพฤติกรรมเป็นพิเศษ
และนำไปสู่การโพสต์ข้อความแบบนี้ได้เช่นกัน
4.ภาวะวิตกกังวลรุนแรง
หรือมีความเครียดรุนแรง แล้วมีองค์ประกอบของสิ่งเร้ามาเสริม เช่น
อยู่ในครอบครัวที่มีความขัดแย้ง ด่าทอกันเป็นจำ หรือได้รับอิทธิพลจากการด่าทอ หรือความขัดแย้งรุนแรงในสังคม
ชุมชน ทำให้ชีวิตอยู่ในความกดดัน และเกิดความวิตกกังวล ปรับตัวไม่ได้
เอนเอียงไปในทิศทาง ที่เกลียดชังใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ
ส่งผลต่อการแสดงออกมองอะไรในแง่ร้าย และอาจแสดงความก้าวร้าวออกมา ด้วยการไปโพสต์ข้อความด่าคนอื่น
5.คนที่มีอาการซึมเศร้าเรื้อรัง
มองโลกแง่ร้าย ปรับตัวไม่ได้ ในบางกรณี ก็เจอพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวได้เช่นกัน
การที่ใครคนหนึ่ง จะโพสต์ข้อความด่าคนอื่น
ด้วยถ้อยความรุนแรง แสดงว่ามีความอัดอั้นตันใจสูง ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากปัจจัยภายใน
จากความขัดแย้งภายในจิตใจของเขาเอง อีกส่วนหนึ่งอาจเกิดจาการรับรู้ข่าวสารจากภายนอก
ดังนั้นถ้าอีกส่วนหนึ่ง อาจเกิดจากการรับรู้ข่าวสารจากภายนอก ดังนั้น ถ้าฟังคำพูดของคนที่เราไม่ชอบ
ทำให้มีข้อมูลใส่เข้าไปในหัวเยอะขึ้น ข้อแนะนำแรก คือ ถอยออกมาก่อน
ลดการรับรู้เรื่องราวของคนๆ นั้น และมองตัวเองด้วยคือ
นอกจากจะมาทุ่มเทเกลียดชังใครแล้ว ต้องมองว่า ชีวิตเรายังมีงานต้องทำ มีคนในครอบครัวที่ต้องผูกพัก
ดูแลรับผิดชอบ ช่วยเหลือ ยังมีเพื่อนฝูง อาหารอร่อยๆ ที่เที่ยวเยอะแยะคือ
จะต้องมองให้เห็นหลายๆ มุมในชีวิตของตัวเราเองด้วย
“การดูถูก” ความคิดสำหรับตัดทำลายคุณค่าชีวิต ยิ่งดูถูกเหยียดหยามมากเพียงใด
เรายิ่งอยู่ห่างจากความเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น มุมมองที่ยกตัวเองไว้สูงกว่า
แล้วกดข่มให้ผู้อื่นต้อยต่ำจมดิน หรือด้านตรงกันข้าม
จากการมองตัวเองอย่างไร้คุณค่า แล้วเทิดทูนผู้อื่นให้เป็นเจ้าชีวิต “เหล่านี้คือสัญญาณแห่งการดูถูกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
ความคิดซึ่งเป็นไปในลักษณะของการดูถูก
เหยียดหยาม “บั่นทอนคุณค่า” ส่งผลให้เรา ไม่สามารถเข้าใจตนเองและผู้อื่น
ได้ตรงตามความเป็นจริง แล้วสิ่งที่เราเข้าใจ ผ่านความคิดและมุมมองดูถูกนั้น คืออะไรกันแน่
คำตอบก็คือผลที่เราได้รับกลับมา เช่น ภาพของการเปรียบเทียบ นิยามของการดูหมิ่น
ความคิดที่อธิบายถึงความเลวร้ายยืดยาว
การขาดความรู้ตัว เอื้อเฟื้อให้เกิดการดูถูก
สถานการณ์ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการพลั้งเผลอใช้ชีวิตโดยขาดความรู้ตัว “มีโอกาสกระตุ้นให้เราขาดการยั้งคิด” เผลอใช้ความคิดพิพากษาตนเองและผู้อื่น
เช่น ดีเลว ถูกผิด โง่ฉลาด เก่ง ห่วย ซึ่งความคิดเหล่านี้ สามารถทำให้เรารับรู้ได้เพียงภาพเล็กๆ
หากเริ่มด้วยการดูถูก ความเข้าใจย่อมจางหายไป
การเปิดฉากเริ่มด้วยการดูถูก พิพากษาตัดสิน “ทำให้หลงเหลือความจริงให้มองเพียงน้อยนิด” แต่หากเปลี่ยนเป็นการเริ่มด้วยความเข้าใจ
“ความจริงจะค่อย ๆ เปิดเผยออกมาทีละน้อย”
ความคิดที่ชวนให้เราซ้ำเติม
นึกคำด่าประณาม “ไม่ว่าเกิดขึ้นกับใคร ย่อมทำให้เราสูญสิ้นความเข้าใจ” สิ่งที่ถูกความคิดเหล่านี้บดบัง จึงมีมากมายด้วยเช่นกัน
ทั้งที่มาความเป็นไป หรือเหตุผลเบื้องหลัง. เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่า
บ่อยครั้งมันทำให้เราลืมมองส่วนที่ดี มองข้ามข้อดี “เอาแต่ด้านลบ ละเลยด้านบวก”
การให้คุณค่ากับความจริงทุกด้าน จึงมีความสำคัญ
จุดสำคัญจึงไม่ใช่การเอาแต่มองด้านดี “แต่คือการมองเห็นทุกด้านอย่างลึกซึ้ง” ความคิดจากเดิม ซึ่งมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับคำดูถูก
การประเมินตัดสิน ย่อมเจือจางลงไป
สภาวะจิตใจที่ไม่ผูกติดกับการดูถูก สามารถเข้าใจได้มากกว่า
ความคิดซึ่งเปิดกว้าง และรับรู้ความเป็นจริงอย่างถูกต้องรอบด้านจึงเกิดขึ้น
สภาวะจิตใจที่ไม่ถูกปิดกั้นโดยความคิดลักษณะคับแคบ “มีแนวโน้มเข้าใจสิ่งต่าง ๆ มากกว่า”
เมื่อจิตใจมีความอิสระ ทางเลือกในชีวิตย่อมมีมากขึ้น
เมื่อจิตใจมีโอกาสและอิสระในการทำงานมากกว่า พฤติกรรมและท่าทีในการปรับตัว “จึงไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่การดูถูก” จิตใจสามารถเข้าถึงความเข้าใจ
การชื่นชม การเห็นคุณค่า การบอกกล่าวสิ่งที่ดี รวมถึงการดูแลส่งเสริม “สามารถดูแลตนเอง และผู้อื่นให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น