[ข่าวลุงพล] ปรากฏการณ์กายทิพย์ของพ่อปู่ปาริจิต






ปรากฏการณ์กายทิพย์ของพ่อปู่ปาริจิต

 

ภาพเหตุการณ์เมื่อช่วงใกล้ค่ำ ของวันที่เก้าเมษายน ในขณะที่แสงสุดท้าย ของดวงอาทิตย์ในช่วงยามเย็น ได้สาดส่องเข้าปะทะกับกลุ่มเมฆ ที่ลอยตัวอยู่เหนือยอดภูหลวง ก็เกิดปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ขึ้นที่กลุ่มเมฆนั้น โดยที่เบื้องต้นปรากฏเป็นรูปที่เลือนราง คล้ายพญานาคห้าเศียร ซึ่งภาพในช่วงนี้ก็อาจจะมีความเป็นไปได้ในแง่มุมที่ว่า เป็นเรื่องของลำแสง ที่ส่องมากระทบกับก้อนเมฆทั่วๆ ไป


ไม่นานเท่าใดนัก กลุ่มเมฆก็ค่อยๆ ลอยมารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ และภายในชั่วเวลาไม่กี่อึดใจต่อจากนั้น ก็ได้เกิดเป็นภาพพญานาคเศียรเดียว ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด ในขณะที่เบื้องล่าง มีรูปปั้นองค์พ่อปู่ปาริจิตประทับอยู่ตรงนั้น แต่แล้วเพียงแค่ไม่กี่อึดใจต่อมา กลุ่มก้อนเมฆก็ค่อยๆ กระจายตัวเลือนหายไปจนหมดสิ้น โดยไม่ทิ้งร่องรอยของเศษเมฆเล็กๆ ให้เห็นแม้แต่ก้อนเดียว จนดูราวกับว่า ไม่เคยเกิดการรวมตัวของหมู่เมฆมาก่อนเลย มันเป็นภาพที่สร้างความตื่นตะลึง ให้กับเหล่าบรรดายูทูบเบอร์ และผู้คนที่สัญจรไปมาอยู่ในบริเวณนั้น รวมทั้งผู้ชม ที่กำลังดูการไลฟ์สด เหตุการณ์อันสุดแสนจะน่าอัศจรรย์นี้


ผมเองก็เป็นผู้หนึ่ง ที่ได้เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จากการดูไลฟ์สดของยูทูปเบอร์สายลุงพลช่องหนึ่ง ก็ต้องขอสารภาพตามความสัจจริงเลยครับว่า ภาพที่ประจักษ์แก่สายตาตัวเองในขณะนั้น นับว่าเป็นปรากฏการณ์ ที่มีโอกาสน้อยเหลือเกินที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าจะมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเพราะความบังเอิญ เหตุใดจึงปรากฏเป็นรูปเศียรพญานาคที่วิจิตรงดงาม และมีความครบถ้วนในด้านองค์ประกอบถึงเพียงนี้


หลังจากนั้นผมก็ลองพยายามตั้งสติ โดยพยายามมองสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ในแง่มุมที่ว่า หรืออาจจะเป็นเพราะความศรัทธา ที่มีต่อองค์พญานาคอยู่แต่เดิม ก็เลยอาจจะทำให้จิตนึกมโนเป็นภาพเช่นนี้ขึ้นมาได้ จึงตั้งสติและมองภาพที่เห็นอีกครั้งด้วยใจที่แน่วแน่ ก็พบว่าก้อนเมฆได้ลอยมารวมตัวกันจนหนาแน่นยิ่งกว่าเดิม เป็นการรวมตัว ที่ไม่ได้ทำให้ภาพพญานาคแปรเปลี่ยนเป็นภาพอื่น แต่กลับยิ่งเป็นการเพิ่มรายละเอียดที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ถึงตรงนี้ ผมจึงปราศจากข้อเคลือบแคลงใดๆ อีกต่อไปแล้ว


เริ่มจากลักษณะของเศียร ที่คล้ายคลึงกับเศียรของพ่อปู่ปาริจิต มีทั้งนัยน์ตาและเปลือกตา ที่ซ้อนรับกันอย่างได้รูป มีช่วงปลายท่อนหาง ที่อยู่ในลักษณะที่ชูสูงขึ้น ไม่ต่างไปจากรูปปั้นองค์พ่อปู่ ที่ประทับอยู่เบื้องล่าง มีพุ่มหงอนที่ขึ้นเป็นช่อบริเวณหน้าผากของภาพนั้น มีปากที่กำลังเปิดอ้าอย่างพอเหมาะพอดีได้สัดส่วน มีเขี้ยวแหลมเล็กงอกขึ้นมา ที่บริเวณส่วนปลายของปากด้านล่าง หากมองโดยภาพรวมและปราศจากอคติใดๆ ก็ต้องถือว่าเป็นภาพองค์พญานาค ที่มีมิติสวยงามมีชีวิตชีวา ซึ่งต่างจากภาพแสงอาทิตย์ยามตกกระทบก้อนเมฆ แบบที่เคยพบเห็นได้ทั่วไปในหลายๆ สถานที่


และสิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ภาพแห่งความทรงจำที่ปรากฏขึ้นมานี้ ยังบังเอิญหันหน้าไปในทิศทางเดียวกันกับองค์พ่อปู่ปาริจิต ถึงตรงนี้หากมีใครสักคนหนึ่ง จะเรียกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า เป็นความบังเอิญ ที่สามารถจะพบเห็นได้ในช่วงเวลาใกล้ค่ำของทุกสถานที่ ผมก็นึกอยากจะส่งสารท้าทายเขาผู้นั้นไปเลยว่า ให้เขาไปตะลอนถ่ายรูปก้อนเมฆตอนเย็นๆ จากทั่วทั้งประเทศ โดยจะให้เวลาจนกว่าเขาคนนั้นจะรู้สึกพอใจ แล้วนำภาพที่เขาคิดว่า เหมือนพญานาคที่สุดมาเทียบกับรูปนี้ดู ผมมั่นใจเลยว่า จะไม่มีรูปของเขารูปใด ที่จะงดงาม และมีองค์ประกอบที่ครบถ้วนชัดเจนเหมือนรูปนี้


หากจะนิยามปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่า เป็นความบังเอิญ ก็ต้องนับว่าเป็นความบังเอิญที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก ที่จะเกิดภาพสะท้อนที่ครบถ้วนในเรื่องของรายละเอียด และมีความงดงามจนเผลอนึกไปว่า เป็นภาพวาด ที่นับจากนี้ไปจนตราบชั่วอายุขัยของผมเอง ก็ยังไม่กล้ายืนยันอย่างเต็มปากเต็มคำได้เลยว่า จะมีโอกาสได้พบเจอ กับปรากฏการณ์ที่ชัดเจนกระจ่างตาเช่นนี้อีกหรือไม่


ชัดเจนจนถึงขั้นที่ว่า มีช่องข่าวบางช่อง ที่มีพฤติกรรมเป็นปรปักษ์กับลุงพลมาโดยตลอด ยังไม่กล้าที่จะนำเสนอข่าวนี้แต่เพียงด้านเดียว เพราะอาจจะนึกเกรงไปตามประสาของคนขี้ระแวงว่า กลุ่มแฟนคลับของช่อง จะเกิดความศรัทธาต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จนถึงกับอาจจะพากันย้ายข้าง ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามกันเสียหมด จึงต้องรีบส่งนักข่าวไปสัมภาษณ์บุคคลที่เป็นคู่กรณีของลุงพล เพื่อหวังจะให้พูดถึงเรื่องนี้ไปในทางที่เสื่อมเสีย


ผมมั่นใจว่าภาพปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับคนกลุ่มหนึ่ง แต่ด้วยจิตใต้สำนึก ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะและโมหะอยู่แต่เดิม จึงไม่อาจจะทำใจยอมรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ ยิ่งกลุ่มคนที่เป็นคู่กรณีของลุงพลโดยตรง ยิ่งไม่มีทางยอมรับ เรื่องที่เป็นมงคลของฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน อันเป็นผลพวงจากการที่จิตใต้สำนึกของพวกเขา ได้ดำดิ่งลงสู่ห้วงลึกของโมหะจริต จนไม่อาจจะแก้ไข ให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้อีกแล้ว


สำหรับผู้ที่เป็นกองเชียร์ของฝ่ายที่เกลียดลุงพล ที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็น ต่อภาพนี้ที่ใต้คลิปข่าว โดยที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คอมเมนต์อย่างดุเดือดเหมือนประเด็นอื่นๆ คาดว่าน่าจะเกิดจากอาการลังเลและนึกหวั่นใจอยู่บ้างเหมือนกันว่า ถ้าพวกเขาคอมเมนต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จะส่งผลให้เกิดอาเพศขึ้นกับตนเองและครอบครัวได้หรือไม่ ทั้งนี้ก็อาจจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากความเชื่อ อาถรรพ์ สิ่งลี้ลับ ของผู้คนในสังคมไทยมาแต่เดิม ที่ได้ปลูกฝังเรื่องเหล่านี้สืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ดังที่มีคำพูดที่คุ้นหูประโยคหนึ่ง ที่ผู้คนยังคงพูดติดปากกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่โดยที่ส่วนใหญ่คนเหล่านี้จะคอมเมนต์ไปในแนวที่ว่า เหมือนเป็ดบ้าง เหมือนเปลวเพลิงบ้าง เหมือนเต่าบ้าง เพื่อแค่แสดงตัวให้รู้ว่าฉันไม่เห็นด้วยกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แล้วนะ


แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยที่จะใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย  ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีบางคนที่เกลียดชังลุงพลอย่างบ้าคลั่ง จนพร้อมที่จะเดินลงนรกไปพร้อมกับเหล่าไอดอลที่พวกเขาชื่นชอบ ทั้งๆ ที่พวกเขาก็อาจจะรู้ทั้งรู้ ว่าเส้นทางที่ตนเองกำลังก้าวเดินอยู่ในขณะนี้ เป็นเส้นทางที่จะนำพาพวกเขาเข้าไปสู่หุบเหวที่ลึกชัน


ก็ได้แต่หวังว่า กลุ่มคนที่เลื่อมใสศรัทธาต่อองค์พญานาค ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ให้ความนับถือศรัทธาอยู่แต่เดิม หรือกลุ่มที่เกลียดลุงพลก็เลยพาลไปเกลียดพญานาค จงอย่าได้ก้าวล่วงต่อการแสดงอิทธิฤทธิ์ของพ่อปูปาริจิต แม้ว่าความเชื่อจะเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ก็จริงอยู่ แต่อย่าได้พาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับสิ่งลี้ลับโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะ กับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อความศรัทธา ที่ผู้คนได้เล่าขานสืบต่อกันมาตราบจนทุกวันนี้

 

บทความดีๆ โดยพี่โซดา น้ำ











 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา