[ข่าวลุงพล] ลุงพล ยอดมนุษย์อดกลั้นแมน
ลุงพล ยอดมนุษย์อดกลั้นแมน
โดยปกติวิสัยของปุถุชนทั่วๆ ไป แน่นอนว่า ทุกคนย่อมไม่ชอบการถูกประณามหยามหยัน
แม้ว่าบางคน อาจจะเคยกระทำ ในสิ่งที่สมควรจะถูกประณาม แต่ก็ยังเชื่อว่า เขาคนนั้นก็คงจะไม่ชอบอยู่ดี
ยิ่งเป็นการถูกประณาม โดยปราศจากความจริงด้วยล่ะก็ ใครก็ตาม ที่ยังข่มใจฝืนทนนิ่งเฉยอยู่ได้
ก็ต้องนับว่าเขาผู้นั้น คือผู้ที่เป็นเลิศ ในเรื่องของการปล่อยวางคนหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ก็ใช่ว่าบุคคลประเภทนี้ จะไม่มีเอาเสียเลย
เพราะตลอดช่วงเวลา เกือบจะครบหนึ่งขวบปีมานี้เอง ที่ผมได้เห็นความอดทนอดกลั้น ของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
ที่ใครๆ ต่างก็เรียกขานนามของเขาจนติดปากว่า “ลุงพล” ผมคิดว่าบุคคลผู้นี้ น่าจะใกล้เคียงกับคำว่า “ปล่อยวาง” ที่สุดแล้ว
สังเกตได้จากการที่เขา ต้องตกอยู่ในสถานะของผู้ที่ถูกกระทำมาโดยตลอด
ด้วยน้ำมือของกลุ่มคน ที่จงเกลียดจงชังในตัวเขา โดยที่ตัวเขาเอง ก็พยายามข่มใจที่จะไม่ตอบโต้
แม้จะมีบางครั้ง ที่อาจจะเกิดอาการน๊อตหลุดไปบ้างก็ตาม แต่ก็ต้องถือว่าเป็นอาการน๊อตหลุดที่เล็กน้อยมาก
เมื่อเทียบกับการที่เขา ต้องถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างหนัก
จากสื่อโซเชียลแทบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ว่าได้
ถึงตรงนี้ ก็อาจจะมีบางคนนึกแย้งขึ้นมาว่า
การที่เขา ลุกขึ้นมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหลายเหล่านั้น นั่นแหล่ะ คือการส่งสารท้ารบไปยังกลุ่มคนที่เป็นปรปักษ์
ซึ่งความคิดดังกล่าว ย่อมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่คิดและพูดออกมาเช่นนี้
แสดงว่าเขายังไม่เข้าใจความหมาย ของคำว่า “แก้ต่าง” กับคำว่า “ตอบโต้” จนถึงกับนำอคติที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจ มาตีความหมาย
ให้เป็นไปตามที่จริตของตนได้ปรุงแต่งขึ้น
ตามความคิดเห็นของผม การตอบโต้ของลุงพล ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุดก็คือ
การที่เขาได้เอาฝ่ามือตบหลังและล็อกคอนักข่าวคนนั้น
แต่ถ้าเราจะมองกรณีนี้ในมุมที่ตรงกันข้าม ก็จะมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนเลยว่า มันเป็นการบันดาลโทสะที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
จากการที่เขาได้ถูกคู่กรณี แสดงอาการยั่วยุ ซึ่งต่อมา ได้ปรากฏหลักฐานที่เผอิญมีผู้บันทึกเอาไว้ได้
นั่นก็คือคลิปสั้นๆ ที่มีกลุ่มพรรคพวกของคู่กรณีเผลอพูดออกมาว่า “เราทำสำเร็จแล้ว” ดังเล็ดลอดออกมาจากคลิปวีดีโอดังกล่าว
นอกนั้น ก็จะเป็นการพยายามอธิบายถึงประเด็นต่างๆ
ที่กลุ่มคนผู้ไม่ประสงค์ดีกับเขาจำนวนหนึ่ง ได้ตั้งหน้าตั้งตาปั้นเรื่อง ที่น่าจะหลอกได้แค่เด็กอนุบาลมาใส่ร้ายเขา
จนกลุ่มแฟนคลับที่ติดตามช่องและเพจของกลุ่มคนเหล่านี้
ต่างก็พากันหลงเชื่อเรื่องที่กุขึ้นมาเสียสนิทใจ จนถึงขั้นเดินสายด่าลุงพล ไปตามสื่อต่างๆ
ในโลกโซเชียล
ส่วนเรื่องที่ลุงพล ได้ถูกกลุ่มปรปักษ์ระดมตั้งข้อกล่าวหา
จนกลายเป็นคดีความถึงโรงถึงศาล ก็ต้องว่ากันไป
แต่ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำตัดสินอันถือว่าเป็นที่สุด ก็ต้องถือว่าลุงพล คือผู้บริสุทธิ์ตามกฎหมาย
ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามพยายามพูดกรอกหู ให้บรรดาแฟนคลับของตนเอง
เกิดภาพหลอน จนกลายเป็นความเชื่ออย่างฝังจิตฝังใจ จนถึงขั้นด่วนสรุปว่า ลุงพลคือบุคคลที่กระทำความผิด
โดยที่ไม่เคยย้อนนึกไปถึงใจเขาใจเราบ้างเลยว่า
หากตนเองต้องตกอยู่ในสภาพของผู้ที่ถูกกระทำ จะทนรับมือกับพฤติกรรมสุดบัดซบ ที่เรียกกันว่า
”อิสรภาพในการกล่าวหา” เช่นนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ผมกลับไม่นึกกังวล กับกลุ่มปรปักษ์ของลุงพลเท่าใดนัก
เพราะมองว่าพวกเขา เหมือนกำลังนั่งเล่นหมากรุกกับลุงพล
โดยที่มีกองเชียร์ของทั้งสองฝ่าย ยืนให้กำลังใจอยู่ด้านหลัง แต่คู่อริของลุงพล กลับเดินเกมส์ด้วยกลโกงทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น การแอบเพิ่มหมากเข้าไปในฝั่งของตัวเอง หรือพอจังหวะเผลอๆ
ก็แกล้งเดินหมากผิดตำแหน่งเสียอย่างนั้น เพื่อต้องการจะให้หมากของตน เป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ
หลายครั้งก็ตะโกนโหวกเหวก กล่าวหาลุงพลว่าเดินผิดตา หรือพักสมองโดยการตะโกนด่าเด็กๆ
ที่กำลังฟ้อนรำอยู่แถวนั้นว่าเป็นขอทาน โดยที่เหล่ากองเชียร์ ที่กำลังยืนตาลอยน้ำลายยืดอยู่ด้านหลัง
ก็ร่วมผสมโรงด่าทอลุงพล และกลุ่มเด็กๆ อย่างเมามัน
แต่เนื่องจากพวกเขา ไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก
ก็เลยหลงลืมเรื่องที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ นอกจากผู้ที่เล่นหมากรุก และกองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายแล้ว
ยังมีกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะเชียร์ฝ่ายใด
และกำลังยืนดูเกมส์ที่สุดแสนทุลักทุเลนี้อย่างเงียบๆ โดยที่คนกลุ่มนี้ ต่างก็มองเห็นกลโกงแบบไม่อายฟ้าดิน
ที่ฝ่ายปรปักษ์ของลุงพล นำมาใช้ทุกขั้นตอน ซึ่งภายในใจของพวกเขาในขณะนี้ คงกำลังขบคิดไปในแนวทางที่คล้ายๆ
กันว่า “บ้าไปแล้ว ทั้งโกงและใส่ร้ายป้ายสี แบบปัญญาอ่อนขนาดนี้
ยังจะมีแฟนคลับ ที่ยังคอยตามเชียร์อยู่อีกหรือนี่” คิดพลางก็ค่อยๆ ขยับเท้า เข้ามายืนอยู่ฝั่งเดียวกับลุงพลอย่างเต็มตัว
ถ้าสมมติว่าลุงพล เป็นยอดมนุษย์สักคนหนึ่ง ก็อยากจะขอเรียกลุงพลว่า “ยอดมนุษย์อดกลั้นแมน” เพราะเขาสามารถที่จะอดทนอดกลั้น กับการใส่ร้ายป้ายสีทุกรูปแบบ ชนิดที่บรรดาเหล่าฮีโร่ชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลก ที่คุ้นเคยกับการใช้กำลังเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกับเหล่าร้าย ถ้าเผอิญต้องมาเจอ กับสภาวะที่กดดันแบบเดียวกับลุงพล พวกเขาก็อาจจะคิดมากจนถึงขั้นสติแตก จนถึงกับเผลอใช้พลังวิเศษ ที่พวกตนมีอยู่ ระเบิดโลกใบนี้ ให้มอดไหม้กลายเป็นจุลไปเสียก็ได้
ปล. ขอจบแบบขำๆ คลายเครียดอย่างนี้แหล่ะ
บทความดีๆ โดยพี่ โซดา น้ำ

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น