[ข่าวลุงพล] ไม่ใช่ผู้วิเศษอยู่เหนือโลก แค่อุปโลกน์ขึ้นมา


ไม่ใช่ผู้วิเศษอยู่เหนือโลก แค่อุปโลกน์ขึ้นมา

 

            โดนเหล่าผีสางระราน ในห้วงสองสามวันที่ผ่านมา บางถ้อยคอมเมนต์ เหมือนหวังเข่าฆ่า ให้ผมดับสิ้นไปจากโซเซียล แต่โทษที พวกคุณได้แค่เสียวเท่านั้นแหละ ใช้ถ้อยวาจามาแทะเล็ม หวังให้ผมโอนอ่อนตามเกมส์พวกคุณ ผมไม่ใช่นักบุญเหมือนพวกคุณหรอก เก็บคำสำรอกอันเน่าเหม็น กลับไปฝากคนที่บ้านของพวกคุณเถอะ


            ผมแปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน และด้วยจรรยาบรรณของผม ขอบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยละกัน ผมไม่นิยามการว่าร้ายให้สุภาพสตรี แต่คนที่เข้ามาราวีผม ล้วนแต่เป็นสุภาพสตรีทั้งนั้น เกลียดลุงพลเข้าไส้ ขนาดนั้นเชียวหรือครับ ถึงตามระรานทุกคนที่อยู่เคียงข้างลุงพล


            แล้ววลีที่พวกคุณนำมาใช้ด่าผู้อื่นนะ เลิกเถอะ ไม่ว่าจะเป็น Fc ข้างไข่ ขอทานออนไลน์ ติ่งในกะลาเหล็ก สาวกไอ้เน ลองตั้งสติที่มีอยู่น้อยนิดของพวกคุณ แล้วนึกทบทวน หรือแม้กระทั่งหาความหมายของศัพท์คำเหล่านี้ มาอธิบายให้ผมฟังหน่อยครับ ว่ามันคืออะไร


            โอเค คำว่า Fc ข้างไข่ มันน่าจะมาจากคลิปๆ หนึ่ง ที่ผู้วิเศษท่านหนึ่ง อุปโลกน์ตัวเองขึ้นมา ว่าเป็นผู้วิเศษ ทำคลิปล้อเลียน ด้วยการที่ยืนถือไข่ไก่ อยู่หน้าเถียงนาน้อย แล้วมีนักแสดงอีกคนหนึ่ง ร่วมเข้าฉากด้วย ซึ่งพอท่านผู้วิเศษ พ่นคำผรุสวาทใส่ลุงพลต่างๆ นานา ด้วยว่าตอนนั้น ถึงขั้นแตกหักกันแล้ว ในมือก็ถือไข่ไก่เอาไว้ พอด่าลุงพลจนสาแก่ใจ ก็หันไปถามตัวประกอบที่นั่งอยู่บันไดเถียงนาว่า นี่คืออะไร ซึ่งตัวประกอบก็ตอบทันทีว่าไข่ แล้วผู้วิเศษก็นำไข่ไก่ไปวางข้างๆ ตัวประกอบ แล้วถามว่า ถ้าวางไข่ไว้อย่างนี้ เรียกว่าอะไร ตัวประกอบก็ตอบขึ้นทันทีว่า ข้างไข่ แล้วผู้วิเศษ ก็บ้วนคำปัญญาประดิษฐ์ ที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาว่า จำไว้ พวก Fc ของไอ้คนเนรคุณ เป็นพวก Fc ข้างไข่  


คุณเป็นคนอุปโลกน์คำนี้ขึ้นมา แล้วยัดเยียดให้คนอื่น ทุเรศสิ้นดี เกิดอะไรขึ้นกับความคิดของผู้วิเศษ หลากล้วนการกระทำของพวกคุณ ในห้วงเวลาที่นับจากการแตกหักกับลุงพล หลากล้วนถ้อยคำหมิ่นแคลน ดุด่าว่าร้าย รุนแรงถึงขั้นแช่งชักหักกระดูกันเลยทีเดียว


คนที่จะดุด่าว่าร้าย หรือแม้กระทั่งจะแช่งคนอื่นได้ คนผู้นั้น ต้องมีความอาฆาต พยาบาท คิดมุ่งร้าย คิดเบียดเบียน มีอกุศลเจตนา และจัดเป็นกรรมชั่ว ซึ่งจะทำให้ตัวคนที่ทำนั่นแหละ เป็นผู้เดือดร้อนเองภายหลัง ส่วนคนโดนดุด่าว่าร้าย คนโดนแช่ง ไม่รู้ไม่เห็นอะไร ยิ่งถ้าหากรู้แล้วเฉยๆ หรือให้อภัย จะกลายเป็นคนโดนแช่ง ได้บุญเสียเอง เขาทำชั่วคนละเวลากับที่เราสาปแช่ง กรรมคนละอย่างกัน ทางที่ดี เพื่อให้ได้ประโยชน์ แทนที่จะสาปแช่งเขา ก็ถือโอกาสให้อภัยเขาเสียเลย ก็จะเป็นกุศลแก่ตนเอง


เรื่องของการสาปแช่ง ถ้าคนๆ นั้นมีอำนาจให้พรคนได้ อย่างมากมายมหาศาล ถึงขนาดพลิกชีวิตคน ให้เจริญรุ่งเรืองเป็นมหาเศรษฐี พลิกชีวิตคนๆ หนึ่งได้ คนนั้นๆ หากได้สาปแช่งขึ้นมา จะน่ากลัวมาก ให้ผลแรงมาก แต่คงไม่ใช่กับผู้วิเศษกำมะลอคนนี้ เพราะในความเป็นจริง คนธรรมดาไม่มีอำนาจจิตขนาดนั้น มีแต่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ พระอริยสงฆ์ ที่มีอำนาจจิตสมาธิมากๆ ซึ่งท่านไม่ไปสาปแช่งใครแน่นอน


คนธรรมดา ไม่มีอำนาจบีบคั้นธาตุขันธ์ผู้อื่น ให้แตกได้ขนาดนั้นหรอก ไม่ต้องใส่ใจมาก หากคนอื่นทำไม่ดีกับเรา คิดไม่ดีกับเรา อโหสิให้เขาไป ตัดเวรตัดกรรม อโหสิกรรม ให้อภัยจะเป็นบุญเป็นกุศล เป็นบารมีกับตัวเราเอง คนทำไม่ดี เขาก็ต้องได้รับผลกรรมที่ก่อ ไม่วันใดก็วันหนึ่งนั้นแหละ การไม่ผูกอาฆาตพยาบาท รู้จักให้อภัย จะส่งผลให้เราเป็นบุคคลผู้มีใจสงบเยือกเย็น ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร


ดังนั้นลุงพล จึงไม่ควรผูกโกรธ  หรืออาฆาตพยาบาทใคร พึงรักษาใจให้สงบเยือกเย็น  มีเมตตาจิตในสรรพสัตว์ สัมภเวสีทั้งหลาย หากทำอย่างนี้ได้ จะทำให้ใจสงบเยือกเย็น  มีความสุขกายสุขใจตลอดเวลา  เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แทนที่จะมัวเสียอารมณ์กับเรื่องราวเหล่านี้ เราก็นำใจของเรา กลับมาหยุดนิ่งอยู่ภายใน ให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว

ส่วนผู้ที่อุปโลกน์ ว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษนั้น ปล่อยให้มันอกแตกตายไปเองเถอะครับ ลุงพล




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้

ตำนาน และประวัติความเป็นมา ของอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง

[คติธรรม] คมธรรมของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ