[ข่าวลุงพล] สางเขียว โดดเดี่ยว ผู้หน้ายักษ์
สางเขียว โดดเดี่ยว ผู้หน้ายักษ์
ควันหลงจากเหตุการณ์
ที่สางเขียวร่ำไห้ปริ่มใจจะขาด ที่วัดถ้ำผาแอก หลังจากไหว้พระเสร็จ
ผมวนดูคลิปตั้งหลายรอบ ก็ไม่เห็นประเด็น หรือสิ่งดลใจใดเล่าที่จะทำให้เขาร่ำไห้
ก็ให้นึกสงสัยในใจไม่น้อยว่า เขารับโทรศัพท์จากใคร อันนี้ผมไม่ทราบ หลังจากวางสายเสร็จเรียบร้อย
เหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่เราๆ ท่านๆ ได้เห็นกัน ส่วนที่มีข่าวออกมาว่า
เขากลัวทีมยูทูปเบอร์ฝั่งลุงพล ที่ไปทำบุญที่วัดวันนั้นทำร้าย เรื่องนี้
ผมบอกจากหลืบลึก ก้นบึ้งหัวใจของผมเลยว่า สางเขียวเกิดจากอาการจิตหลอน
แล้วยอกย้อนออกมาทางอาการ ที่ใครๆ ดู ก็รู้ว่ามโน
ถ้าจะเรียกให้เท่ขึ้นมาหน่อย
หรือจะเรียกให้เป็นวิชาการ อาการแบบนี้คือ โรคเรียกร้องความสนใจมันเป็นอาการทางจิต
ของคนที่ขาดความอบอุ่นจากคนรอบข้าง อาจจะเป็นทั้งคนที่บ้าน
และคนรอบข้างจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยมีอาการโหยหาความรัก อยากให้คนมารักตัวเอง
อยากเป็นที่สนใจของคนอื่น รู้สึกดี เมื่อได้เป็นคนที่สำคัญของใครคนใดคนหนึ่ง
และเกิดอาการไม่พอใจ อิจฉาริษยา เมื่อพบคนที่มีคนมารัก มารุมชอบมากๆ
สาเหตุของโรคเรียกร้องความสนใจ ง่ายๆ เลยครับ
คือการขาดความรัก ความอบอุ่น และความเข้าใจจากคนรอบข้าง ประวัติในชีวิตอาจจะด่างพร้อย
ไม่สมบูรณ์ จนทำให้เกิดความอิจฉาในชีวิตของคนอื่น เรื่องนี้ผมขอตั้งข้อสังเกตส่วนตัวนะครับ
อาจจะเกิดจากการที่ อาถรรพ์ปักธูปกลับหัว ย้อนกลับมาเล่นงาน
อาการของโรคเรียกร้องความสนใจ บางคนอาจแสดงออก ด้วยการพยายามทำตัวให้เด่นดังเหนือคนอื่น
เป็นที่สนใจของคนอื่น หลงใหลได้ปลื้มกับชื่อเสียงของตัวเอง โดยไม่สนใจว่า จะได้มาด้วยวิธีการใดบางคนอาจจะซุ่มเงียบ
ไม่ทำตัวให้เป็นที่สนใจ ของคนในสังคมมากนัก แต่ในใจแอบเป็นคนขี้อิจฉา
อิจฉาในความสุข ในความสำเร็จของคนอื่น อยากให้คนที่รัก สนใจแต่ตนเองเพียงคนเดียว
หวาดระแวงว่าจะไม่มีคนมารัก จนอาจทำร้ายคนอื่นที่เกี่ยวข้อง
เพื่อความมั่นใจของตนเอง
บางครั้ง คนที่อยากเป็นที่สนใจของคนอื่น
อาจยอมทำตัวให้คนอื่นเกลียด หันมาด่าทอต่อว่า มาคุยมาทะเลาะด้วย แกล้งคนอื่นไปทั่ว
เพียงเพื่ออยากให้คนหันมาสนใจ และยอมรับการมีตัวตนของตัวเองในสังคมนั้นๆ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว ก่อนหน้านี้อาจไม่มีใครสนใจจะคุย ทัก
หรือแม้กระทั่งจำหน้า จำชื่อได้ด้วยซ้ำไป
วิธีปฏิบัติต่อผู้ป่วยโรคเรียกร้องความสนใจ
1. เมื่อไรก็ตาม ที่เขาเริ่มแสดงอาการเรียกร้องความสนใจ
แล้วเรารู้ทัน อย่าให้ความสนใจกับเขาในช่วงนั้น จนเขาเลิกแสดงอาการนั้นๆ ไปเอง
2. หากเขาแสดงออกในทางที่สร้างสรรค์
ทำในสิ่งที่ดี โปรดให้กำลังใจเขา ชมเชยเขา เพื่อเติมเต็มในส่วนที่เขาขาดหาย
นั่นคือความรัก ความเข้าใจ ความใส่ใจ ที่เขาอาจไม่ได้รับจากคนที่เขารักคนอื่นๆ
3. หากเขายังแสดงอาการเรียกร้องความสนใจมากยิ่งขึ้น
จนอาจก่อเหตุร้าย ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ขอให้ค่อยๆ คุยกับเขา ให้คำปรึกษาแก่เขา
ให้เขาพูดในที่สิ่งที่เขาคิดออกมาให้หมด เพราะโดยปกติคนพวกนี้ มักไม่ค่อยยอมพูดเรื่องราวส่วนตัวในชีวิต
ปัญหา หรือบาดแผลในชีวิต หรือรู้สึกผิด ที่ต้องพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดให้คนอื่นรับรู้
เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจ และเกลียดตัวเองในที่สุด
4. หากอาการหนัก
หรือไม่ดีขึ้น ควรแนะนำให้เขาเข้ารักษากับจิตแพทย์โดยตรง
โดยไม่มองว่าเขาคือผู้ป่วยทางจิต ให้มองว่ามองหาคำปรึกษา คำแนะนำ เพื่อให้ใช้ชีวิต
ได้อย่างมีความสุขเหมือนคนอื่นๆ
ดังนั้น เราควรมอบความรักให้กับเขา เข้าใจเขา
ให้คำปรึกษาเขา และอยู่เคียงข้างเขาทุกเมื่อ ที่เขาต้องการกำลังใจ
รับรองว่าเขาจะไม่มีวันทำร้ายใคร รวมถึงตัวเขาเองอีกต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น