[ข่าวลุงพล] เขาบอกว่า แค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีราคา มีค่าอะไร
แค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีราคา มีค่าอะไร
“แค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีราคา มีค่าอะไร” ประโยคที่เหมือนไม่มีอะไร แต่มีนัยยะอะไร
ซุกซ่อนไว้ในคำพูดของผู้พูด ซึ่งผมไม่คาดคิดว่า จะได้ยินจากปากของบุคคลกลายพันธุ์
คนอื่นล้อเลียน คุณจะเป็นจะตาย แต่พอคุณพูดจาดูถูกชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่ง
คุณเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คุณมันก็แค่ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งเช่นกัน
ไม่ได้วิเศษวิโสโก้หรู มากไปกว่ามนุษย์เดินดินทั่วไป วันๆ ดีแต่กัดจิก
ดูถูกคนอื่นเขาไปทั่ว เที่ยวยกตนข่มคนอื่น
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คนที่ชอบยกตนข่มท่าน
การยกตนข่มผู้อื่น เป็นทางออกของคนที่มีปมด้อย และมีความรู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่น
จึงพยายามแสดงออก ถึงสิ่งที่คิดว่าเป็นจุดเด่นของตัวเอง แต่แสดงออกในเชิงโอ้อวด
เพื่อลดความรู้สึกด้อยในใจ และยกความสำคัญของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งมักสร้างความรำคาญใจให้คนรอบข้าง เป็นนิสัยที่ทำลายสัมพันธภาพ
และอาจก่อให้เกิดศัตรูได้
ไม่มีใครหรอก ที่ชอบฟังคำพูดเชิงยกตัวเหนือคนอื่น
อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ยิ่งพูดในลักษณะข่มผู้อื่นด้วยแล้ว
ยิ่งสร้างความรู้สึกไม่เป็นมิตรให้เกิดขึ้นได้ง่าย แต่ถ้าจะแก้ไข
ต้องอาศัยคนที่มีอำนาจสูงกว่า หรือคนที่มีบุญคุณ
และมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า เป็นผู้ตักเตือนด้วยความเมตตาและหวังดี ส่วนคนรอบข้าง
ก็อาจช่วยปรับพฤติกรรมด้วยการไม่สนใจ ไม่แสดงความชื่นชม ไม่เช่นนั้น ก็จะกลายเป็นการเสริมแรงให้นิสัยดังกล่าวคงอยู่ต่อไป
สำหรับคนที่มีนิสัยชอบยกตนข่มท่าน
ก็คงต้องพยายามปรับปรุงตัวเองด้วย อาจใช้วิธีเตือนสติ บอกย้ำกับตัวเองว่า คุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณมีดีอะไร
ไม่จำเป็นต้องแสดงให้คนอื่นรู้ ให้เขารับรู้ด้วยตัวเองหรือรับรู้จากคนอื่น
จะเพิ่มความนิยมชมชอบได้มากกว่า แต่ถ้าไม่มีใครรู้ ก็มิใช่เรื่องที่คุณจะต้องไปแคร์
ถ้าคุณแคร์ แสดงว่าคุณให้ความสำคัญกับคนอื่นมาก เหมือนกับว่า ตัวเองไม่มีประโยชน์อะไร
จึงเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น จนยอมให้คนอื่นมีอิทธิพลเหนือความรู้สึกของคุณ
ให้พยายามสร้างความรู้สึกพอใจ เต็มอิ่ม และภาคภูมิใจกับสิ่งที่คุณเป็น
และสิ่งที่คุณมีอยู่
อย่าดูถูกตัวเอง เพราะคนที่ดูถูกตัวเอง
ก็มักจะคิดว่าคนอื่นจะดูถูกคุณไปด้วย เมื่อความคิดคุณคิดได้แค่นั้น
คุณก็จะเริ่มยกตนข่มท่าน เริ่มดูถูกเหยียดหยามคนอื่น แถวบ้านผมเขาเรียกว่าสันดาน ถ้าคุณปรับความคิดของคุณได้
คุณก็จะปรับพฤติกรรมของคุณได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณปรับความคิดของตัวเองไม่ได้
คุณก็จะวี๊ดว๊าย โวยวายคนอื่นเขาไปทั่ว
ซึ่งการดูถูกคนอื่น
มันเป็นพฤติกรรม การแสดงออกของมนุษย์ในด้านลบ
ที่แสดงความพึงพอใจเมื่อได้นินทาคนอื่น คนนั้นได้ดี หรือไม่ได้ดี เกิดความทุกข์ใจ
หรือดูถูกผู้อื่นเมื่อเขาประสบความสำเร็จ การกระทำดังกล่าว ล้วนแล้วแต่ชักนำเหตุการณ์
และจิตใจของผู้ที่ดูถูกผู้อื่นนั้น พบแต่ความย่ำแย่ และทุกข์ตลอดชีวิต
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผมได้บอกแล้วว่า จิตใต้สำนึกของคน
เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ที่ธรรมชาติมอบให้กับมนุษย์ทุกๆ คน ที่เกิดมาบนโลกนี้
การที่ได้ย้ำพูด ย้ำทำบ่อยๆ จะทำให้จิตใต้สำนึก หรือบางคนเรียกว่าจักรวาล
มอบสิ่งนั้นให้โดยไม่มีข้อแม้ และการดูถูกผู้อื่นก็เป็นการย้ำพูด
ย้ำทำ ที่สื่อสารกับจิตใต้สำนึกแบบหนึ่ง
ซึ่งมันจะเกิดขึ้นกับผู้นินทาอย่างไม่มีวันหลีกพ้นได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดี หรือไม่ดี
จักรวาลจะนำเหตุการณ์คล้ายๆ กัน เข้ามาหาผู้ที่ดูถูกคนอื่นๆ จนทำให้คนผู้นั้น ไม่อาจจะประสบความสำเร็จหรือ
ศักยภาพของตนเอง
และคุณจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่า
ในอนาคตคุณจะไม่ได้พึ่งพา คนที่คุณดูถูกนั้น ร้อยทั้งร้อยครับ คนที่คุณนินทานั้นจะได้ดีกว่าคุณ
ประสบความสำเร็จกว่าคุณ มีการพิสูจน์แล้วครับว่า ทุกๆ ครั้งที่คุณดูถูกคนอื่น
จะเป็นการส่งเสริม ให้ผู้ที่ถูกคุณดูถูกนั้นประสบความสำเร็จ
ส่วนคุณจะได้รับผลจากจิตใต้สำนึก ให้รับผลของการดูถูกนั้น ถ้าตามหลักของไทยก็คือ กรรมตามสนองนั่นเองครับ
แล้วจะทำอย่างไรล่ะ ง่ายๆ
ครับคุณควรเลิกดูถูกผู้อื่น การที่คนอื่นๆ จะดี หรือไม่ดี มีสภาพที่แย่กว่าคุณ
หรือต่ำต้อยกว่าคุณ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเลยสักนิด คุณควรจะให้กำลังใจ ผู้ที่มีสภาวการณ์ที่แย่กว่าคุณ การพูดด้านบวกกับผู้อื่น ให้กำลังใจผู้อื่น
จิตใต้สำนึก หรือจักรวาลจะนำพาสิ่งดีๆ นั้นเข้ามาสู่คุณ คุณเคยเห็นใคร ที่ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนกว่าตกต่ำหรือไม่ ไม่เลยครับ มันกลับยิ่งส่งผลให้คนผู้นั้นประสบความสำเร็จ
และบรรลุซึ่งศักยภาพของตนเอง เมื่อจิตของคุณเป็นจิตด้านกุศล
จิตแห่งการให้ จิตแห่งความเมตตา ก็ไม่มีด้านลบใดๆ มาหาคุณได้
มีแต่ความสำเร็จเท่านั้น
ฉะนั้น คุณจึงต้องเลิกดูถูกคนอื่น แล้วเปลี่ยนมาสู่ความช่วยเหลือ
และความเมตตาแทน เมื่อนั้นความสำเร็จจะเป็นของคุณ คนที่ชอบดูถูก ดูหมิ่น
เหยียดหยามคนอื่น ยกตนข่มคนอื่น มักเป็นคนเดียวกันกับคนที่ชอบอิจฉาริษยา
หากใครที่เรานับไว้ว่าเป็นเพื่อน
เขาคนนั้นจะต้องไม่มีสองสิ่งนี้ คือ ดูถูกเรา หรือ อิจฉาเรา
หากเพื่อนคนไหนดูถูกหรืออิจฉาเรา เขาไม่ใช่เพื่อนเรา
ไม่สมควรจะให้เขาเป็นเพื่อนอีกต่อไป จงทิ้งระยะห่างในการคบหาสมาคมไว้ อย่าไปใกล้ชิดสนิทสนมมาก
เพราะจะเกิดผลร้ายต่อตัวเราเอง
คนที่ดูถูกเรา จะทำร้ายจิตใจเรา
บั่นทอนกำลังใจเรา ทำให้เรารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า คนที่อิจฉาเรา จะทำร้ายเราทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ไม่ว่าจะด้วยวาจา หรือด้วยการกระทำ เพื่อทำลายเรา เพราะเขามีความทุกข์
ที่เห็นเรามีความสุขและเจริญก้าวหน้า เขาจึงอยากจะดับทุกข์ของเขา ด้วยการทำลายเรา
ไม่มีใครที่อิจฉาแล้วอยู่เฉยๆ ได้ มักต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง เพื่อสนองอารมณ์ตัวเอง
อย่างน้อยที่สุด ก็ให้ร้ายกันทางวาจา ด้วยการนินทาใส่ร้ายป้ายสี
เพื่อลดค่าของเราลงไป ในสายตาของผู้อื่น
คนเราถ้าไม่ชอบกัน
ก็ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายต่อกัน ต่างคนต่างอยู่ ก็จะไม่เกิดเรื่อง แต่ถ้าเกิดความดูถูกเหยียดหยาม
หรืออิจฉาริษยาแล้ว เขามักไม่อยู่เฉยๆ มักจะหาเรื่องให้เกิดเรื่องจนได้
เพื่อสนองกิเลสในใจตัวเอง ซึ่งอาจลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ บางรายถึงกับฆ่ากันก็มี
ก่อเวรก่อกรรมสืบเนื่องกันไป
อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจห้ามใคร
ไม่ให้ดูถูกเรา หรือ ไม่ให้อิจฉาเราได้ แต่เราเองต้องห้ามใจตัวเองได้
ไม่ให้ดูถูกผู้อื่น หรืออิจฉาผู้อื่น หากเรารู้สึกว่า มีคนดูถูกหรืออิจฉาเรา
พยายามหลีกเลี่ยง ไม่พบปะ ไม่ยุ่ง ไม่วุ่นวายด้วย และไม่ถือโทษโกรธเคือง
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็จงคุยอย่างเป็นมิตร ราวกับไม่รู้ว่า เขาดูถูกหรืออิจฉาเรา
การโต้ตอบเช่นนี้ จะลดกรรมได้ คนที่ยังคงดูถูกและอิจฉาริษยาเราต่อไป เขาจะแพ้ภัย
แพ้กรรม ที่เกิดขึ้นในใจของเขาเอง

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น