[ข่าวลุงพล] บุคคลกลายพันธุ์ ใช้สรรพนามเรียกคนอื่นว่า ไอ้ทนายตัวหนึ่ง


 

บุคคลกลายพันธุ์ท่านหนึ่ง ได้พูดถึงทนายท่านหนึ่ง ว่าไอ้ทนายตัวหนึ่ง

 

ได้ฟังคำพูด จากปากของบุคคลกลายพันธุ์ท่านหนึ่ง ที่ได้พูดถึงทนายท่านหนึ่ง ด้วยการใช้ภาษาในคำพูดว่า ไอ้ทนายตัวหนึ่ง ซึ่งผมก็ให้สงสัยในใจจิตของผมว่า ทำไม เป็นคนด้วยกัน จึงใช้สรรพนามเรียกคนอื่นเหมือนไม่ใช่คน


สมัยก่อนเราอาจจะรู้สึกหน้าชา ไปกับคำด่าหรือคำหยาบคายที่รุนแรง คำสาปแช่งที่ไล่ให้ไปตาย  หรือกลายเป็นสัตว์ตัวนั้นตัวนี้ แต่สมัยนี้การด่า ได้พัฒนารูปแบบ ไปตามอารมณ์ที่แปรปรวนทางเพศ เพราะแม้ในรูปประโยคจะไม่มีคำหยาบใดๆ แต่ก็ทำเอาเราจุก จนพูดไม่ออกไปทั้งวัน


ซึ่งถ้ามองตามรูปลักษณ์ภายนอกของเขาแล้ว คำด่าว่าหยาบนี้ อาจจะอยู่ในฐานะเครื่องเยียวยาจิตใจของเขา แม้จะรู้ดีว่า คำด่าหรือคำหยาบคาย เป็นคำที่ไม่น่ารื่นหูเท่าไหร่  และคนโดนพูดใส่ ก็คงอดเสียสุขภาพจิตไม่ได้ นั่นก็เพราะคำหยาบคาย อาจเป็นการระบายความเครียดออกจากร่างกาย หรืออาจเป็นการปิดบัง ซ่อนเร้น หรืออำพรางความน้อยเนื้อต่ำใจของเขา ได้พอๆ กับการร้องไห้ ซึ่งผลการวิจัยกล่าวว่า มนุษย์จะรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดได้ดี เมื่อพวกเขาได้สบถออกมา ในขณะเดียวกัน ถ้าบอกพวกเขาว่าอย่าพูดคำหยาบสิ นั่นจะทำให้พวกเขา เผชิญหน้ากับปัญหาได้ยากยิ่งขึ้น


แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดว่า คำสบถได้สร้างสภาวะทางอารมณ์บางอย่าง ให้มนุษย์หายเจ็บจริงๆ หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ มันได้ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย อย่างการเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งทำให้มนุษย์เราเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อตกอยู่ในอันตราย


ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้บางครั้ง มนุษย์ใช้ความก้าวร้าว เพื่อปกป้องจิตใจและร่างกายของตัวเอง จากสภาวะความเจ็บปวดของจิตใจ หรือพูดได้ว่า ยิ่งเราด่าหรือสบถออกมาแรงเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เราเอาชนะความโกรธและความเจ็บปวด ที่โลดแล่นอยู่ในตัวและหัวใจได้มากเท่านั้น


            คำด่าที่ถูกลดทอนให้เป็นคำทั่วไป ทุกวันนี้ เราจะเห็นได้ว่าคำหยาบ ที่เคยสร้างความเจ็บแสบ ได้กลายเป็นคำทั่วไปในชีวิตประจำวัน อาจจะด้วยการที่เราอยู่กับมันมานาน จนแทบไม่รู้สึกอะไร แถมยังลดทอนพลังของคำเหล่านั้น ด้วยการนำไปใช้ในบริบทอื่นๆ นอกจากการด่าหรือทำร้ายจิตใจกัน แต่การด่าก็คือการด่า ฟังก์ชั่นของมันคือ การสร้างความเจ็บปวดในจิตใจของอีกฝ่าย


จิตใจคนเราในปัจจุบันนี้ นับวันยิ่งโหดร้ายมากขึ้นไปทุกที จิตใจหยาบช้ามากขึ้น เพราะมัวไปสนองต่อกิเลสความต้องการของตัวเอง จนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี อย่าลืมว่าสิ่งนี้คือโลกมนุษย์ ซึ่งเราเกิดมา เพื่อทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ไม่ได้เกิดมาเพื่อสนองกิเลสตัณหา จริงอยู่ว่า เราเกิดมาเป็นมนุษย์ อาจจะมีจิตใจเผลอ ไม่เท่าทันสติบ้าง ปล่อยให้ความอยาก กิเลส เข้ามาเป็นใหญ่ในตัวเรา เราไม่จำเป็นต้องกลมกลืนกับสิ่งที่ไม่ดี ไม่จำเป็นจะต้องไปกลัวการทำดี แล้วคนอื่นจะพูดเหน็บ นั่นมันน่าสงสารเขานะ คนที่มาพูดเหน็บ เพราะเขาทำแบบเราไม่ได้ ทางเดียวที่จะทำให้เขาสบายใจคือการพูด เพื่อให้เราจะได้รู้สึกแย่ เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกดีกว่า เหนือกว่า นี้เป็นการเอาชนะกันทางโลก ซึ่งถือว่าไม่ควร  


แต่หากเราได้ยินคำพูดเหล่านั้น แล้วจิตใจเรายังรู้สึกสงสาร เมตตา และรักเขาได้ นั่นถือเป็นการชนะใจตัวเองในทางธรรม ไม่หลงอารมณ์ไปกับทางโลก สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเราจะชอบใจหรือไม่ชอบใจนั้น มันมีอยู่แล้ว นั่นคือธรรมชาติของมัน ไม่มีใครเปลี่ยนกฎแห่งธรรมชาติได้ เช่นกัน การที่จะ ห้ามบุคคลกลายพันธุ์ เพื่อให้เขาหยุดดุด่าว่าร้ายคนอื่น ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา