[ข่าวลุงพล] สางผู้ดี ที่หนีไม่พ้น วังวนของการขี้อวด
สางผู้ดี ที่หนีไม่พ้น วังวนของการขี้อวด
สางผู้ดี
ที่หนีไม่พ้น วังวนของการขี้อวด ขออีกซักหนึ่งคลิปนะครับ
สำหรับคนที่ชอบดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ด้วยการคุยโวโอ้อวด หวังข่มผู้อื่นให้จมดิน
คนเราต้องการความภาคภูมิใจในตัวเอง บางคนอยู่คนเดียว
ก็สามารถภูมิใจในตัวเองได้ แต่บางคนอยากให้คนอื่นรู้ด้วย เพื่อให้ภูมิใจมากขึ้น
จึงออกมาเป็นลักษณะการอวด หากต้องการความภูมิใจในตัวเองก็อวด เลยเส้นไปนิดหนึ่ง
มันก็จะกลายเป็นการ ไปข่มความภูมิใจในตัวเองของคนอื่น
เพราะฉะนั้นคนที่อวดหรือคิดจะอวด ต้องหยุดถามตัวเองก่อนว่า เราต้องการอะไร
เราต้องการให้เขารู้สึกว่า เราเป็นคนสำคัญ
ให้เขายอมรับเรา หรือต้องการให้เขาเกลียดเรา หมั่นไส้เรา ถ้าต้องการให้เกลียด
หมั่นไส้ จงอวดไปเถอะ แต่ถ้าต้องการให้เขายอมรับเรา วิธีการอวดเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
ไม่ใช่เฉพาะในยุคโซเชียล ยุคไหนก็เหมือนกัน เพียงแต่ในยุคโซเชียล
การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้เลยเห็นผลค่อนข้างเร็ว
คนขี้อวดนั้น เหมือนเป็นการกลบปมด้อยของตนเองหรือเปล่า
อันที่จริงคนขี้อวด บางครั้งอาจไม่ได้อวดมาตรงๆ แต่สร้างภาพว่าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะคนที่ค่อนข้างจะเก่งหน่อย มีความสามารถเหนือกว่าคนอื่น พอสร้างภาพตัวเองเป็นคนสมบูรณ์แบบแล้ว
จะเกิดภาวะยอมรับไม่ได้ ที่จะมีข้อบกพร่องบางครั้งไปทำอะไรบกพร่องเอาไว้
พอคนอื่นพูด จะหาทางแก้ตัวทุกวิถีทาง ว่าไม่ใช่ความผิดตัวเอง เป็นเพราะคนอื่น
เพราะใจเขารับไม่ได้ ที่ตัวเองจะมีข้อบกพร่อง ทั้งๆ ที่เก่งกลับใช้ประโยชน์ไม่ค่อยได้
เพราะจะมีปัญหากระทบกระทั่งกับคนอื่น ไปทำงานก็ชนคนนั้น ชนคนนี้ เพราะคิดว่า
ฉันเป็นคนสมบูรณ์แบบ วิชาเดินแบบ ก็ฉันนี่หละเก่งสุด เหมือนมีหนามแหลม แหลมออกมารอบตัว พอวางลงไปในถาดแล้ว
จะเอาอะไรอย่างอื่นมาวางด้วย มันเกะกะไปหมดเพราะมีหนามแหลม
ที่พร้อมจะทิ่มแทงคนอื่น ต่างกับคนที่ความสามารถน้อยกว่า แต่มนุษยสัมพันธ์ดี เข้าได้กับทุกคน
เรามีวิธีปฏิบัติตัวอย่างไร
และรับมืออย่างไร กับคนที่ขี้อวด หากเราเองชนะใจตัวเองได้
อย่าเอาความรู้สึกหมั่นไส้นำหน้า จะพบว่า เราสามารถรับมือกับคนขี้อวดได้ง่ายมาก
พอรู้ว่าเขาชอบอวด เราก็ชื่นชมในประเด็นที่เขาอวด
เขาจะรู้สึกว่า โอ้โห เราเนี่ย ช่างเป็นคนมีปัญญา เห็นถึงคุณความดีของเขา
เห็นความเด่นของเขา รู้สึกว่าเราเป็นคนที่ใช้ได้ รู้สึกว่าคุยแล้วสบายใจ
เราพูดแค่คำสองคำเท่านั้นเอง เขาจะใจเปิดกับเรา สำคัญคือ เราอย่าไปเกิดอารมณ์หมั่นไส้ก่อน
พอเขาอวดมา เราหมั่นไส้แล้ว รู้สึกว่าเซ็งยังไม่ทันพูดด้วย ก็เซ็งก่อนแล้ว
อย่าไปรู้สึกอย่างนั้น เราต้องชนะใจเราเองให้ได้ก่อน หากเราไปบล็อกความรู้สึก
เดี๋ยวแม่ก็ออกอาการฟาดอีก
หากเราละทิฐิมานะ ละความถือตัวของเราเอง แล้วมุ่งไปที่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
เราสนทนากับใคร มีปฏิสัมพันธ์กับใคร ให้มองที่ว่า ทำอย่างไร จะให้สายสัมพันธ์แข็งแรงแล้วก็ยั่งยืน
ถ้ารู้ว่าเขาภูมิใจอะไร ให้เชียร์เลย อย่าไปนึกหมั่นไส้ก่อน
ถ้าเรานึกหมั่นไส้แสดงว่ามันกระทบอีโก้เรา ถ้าเราข้ามพ้นอีโก้ของตัวเองไป
มองผลลัพธ์ เราจะพบว่าไม่มีปัญหา ที่จะรับมือกับคนขี้อวดได้อย่างสบาย
ในทางพระพุทธศาสนา มีหลักธรรมข้อใดที่ช่วยลดนิสัยการขี้อวด
ในทางพระพุทธศาสนา มงคลสูตร ซึ่งเป็นมงคลแห่งชีวิต ได้แก่ข้อปฏิบัติ 38 ประการ ในมงคลที่ 23 กล่าวว่า นิวาโต แปลว่า
ไม่ถือตัว มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เอาลมออก
นิ แปลว่า ออก
วาโต คือ ลม
นิวาโต คือ เอาลมออกจากตัว
อย่าไปพองลม ถ้าพองมาก ตัวจะแตก เหมือนอึ่งอ่าง
พองลมตัวเอง เพื่อให้ตัวใหญ่เหมือนวัว สุดท้ายท้องแตกตาย เมื่อไม่พองลม
ชีวิตก็จะมีมงคล มีความสุขความเจริญ ก้าวหน้า
โบราณมีการเปรียบเทียบเป็นการสอนใจดังนี้
สมัยก่อนพอถึงเวลาเพล พระท่านจะตีกลองเพล แต่ก่อนไม่มีนาฬิกา
พอพระท่านตีกลองเพล ชาวบ้านจะรู้แล้วว่า พระท่านจะฉันเพลแล้ว ใครที่ตั้งใจมาถวายภัตตาหาร
จะได้มาที่วัด ท่านเปรียบว่า กลองต้องมีคนตีแล้วจึงดัง อย่างนี้ถือเป็นกลองดี
แต่ถ้าเกิดกลองไหน ไม่มีคนตี เป็นกลองที่ดังเอง คือกลองจัญไร ต้องไปทำลายทิ้ง เพราะจะทำให้งานการคนอื่นเขาเสียหมด
ยังไม่ถึงเวลาดัง เขายังไม่มาตี แต่มันดังเอง เหมือนกับคนเราจะดัง
ต้องให้คนอื่นตีให้คนอื่นเขายกขึ้น ไม่ใช่มายกตัวเอง มาตีตัวเองให้ดัง ไปอวดตัวจะกลายเป็นกลองจัญไร
ต้องระวังให้ดี
เพราะตอนนี้
คุณก็เหมือนกับกลองที่ไม่มีคนตี แต่พยายามทำตัวเองให้ดัง เหมือนกลองจัญไร
ต่างจากลุงพล ที่เป็นกลองที่ใครต่อใครก็รีบมาตี ยิ่งตีมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งดังมากเท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น