[ข่าวลุงพล] ไม่มีใครยิ่งใหญ่ จากการเนรคุณ
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ จากการเนรคุณ
บ่าวเบียร์ ธาตุพนม
อีกคนที่โดนกระทำ จากบุคคลที่ได้ชื่อว่า ไอ้เนรคุณคน พอน้ำมันลด
ตอมันก็เริ่มผุดขึ้นมา ให้เห็นสันดานอันหยาบโลนของใครบางคน ที่ไลฟ์สดด่าลุงพลมานานแรมปี
กับวลีเด็ดแห่งปี ที่อาจกลายเป็นวจีกรรม ติดตามตัวพวกเขาไปตลอดชีวิต และตอนนี้
คำวลีที่พวกเขาอุปโลกน์ขึ้นมา กำลังหันหน้ากลับไปหาตัวเขาเอง ไอ้เนรคุณ
ล่าสุดคราวนี้เล่นแรง ไม่เว้นแม้แต่ผู้มีพระคุณ ที่หนุนนำทาง
ให้ย่างก้าวบนเส้นทางสายโซเซียล อย่างบ่าวเบียร์ ธาตุพนม
ผลแห่งการเนรคุณ นิทานธรรมะให้ตระหนักรู้ถึง
บุญคุณผู้อื่น นิทานธรรมะ
เล่าเรื่องกรรมสนองคนไม่รู้บุญคุณ ชาวนาคนหนึ่งเพียงลงอาบน้ำในสระ
ผิวกายกลายเป็นขี้เรื่้อน สร้างความรังเกียจแก่ผู้พบเห็น ทำไมเขาจึงเป็นเช่นนี้หนอ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีชาวนาคนหนึ่งเป็นชาวพาราณสี วันหนึ่ง ขณะที่ชาวนากำลังต้อนวัวไปกินหญ้า
วัวตัวหนึ่งมันก็วิ่งเข้าไปในป่า ชาวนาวิ่งตามแต่ไม่ทันได้ดูทาง ก็พลัดตกลงไปในเหว
ชาวนาทรมานอยู่ในนั้นหลายวัน ขาดอาหารและน้ำ ได้แต่ร้องเสียงคร่ำครวญอย่างน่าเวทนา ลิงตัวหนึ่งได้ยินจึงปีนลงมาตามเสียง
ได้พบร่างของชาวนาที่อยู่ในสภาพไร้เรี่ยวแรง ลิงถามว่า
“เจ้ามนุษย์
ทำไมเจ้าจึงอยู่ในสภาพเช่นนี้” ชาวนาผู้นั้นจึงตอบว่า
“ข้าวิ่งตามวัวที่วิ่งเข้ามาป่า
แล้วข้าก็พลัดตกลงในเหวนี้ เพราะไม่ได้ระมัดระวัง”
“น่าเวทนาจริงแท้
เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้ากลับบ้านเอง แต่บ้านเจ้าอยู่ที่ใด” ลิงถามขึ้น
“ข้าเป็นชาวพาราณสี” ชาวนาตอบ
น้ำเสียงอิดโรย
“อืม
เจ้ารอข้านะ ข้าจะปีนขึ้นไป แล้วห้อยเถาวัลย์ลงมา แล้วเจ้าก็ปีนขึ้นไป”
ลิงห้อยเถาวัลย์ลงมายังชาวนา
ชาวนาก็ใช้แรงเท่าที่มี ค่อยๆ ปีนขึ้นไปจนพ้นปากเหว ลิงน้อยเหนื่อยสุดแรง เพราะต้องฉุกเถาวัลย์ไว้อีกฝั่ง
มันจึงขอนอนหลับพัก แล้วพรุ่งนี้จะพาไปส่ง พอลิงน้อยหลับ ด้วยความหิวเป็นกำลัง
ชาวนาจึงหมายจะฆ่าลิงน้อยเพื่อกินเป็นอาหาร จึงยกก้อนหินในบริเวณนั้น จะทุบหัวลิงน้อย
แต่ด้วยแรงกำลังที่ไม่ค่อยจะมี ก้อนหินที่ทุ่มไป จึงไม่ทำให้ลิงน้อยถึงแก่ชีวิต
ลิงน้อยตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดแล้วพร่ำว่า
“เจ้าคนเนรคุณ
ข้าช่วยเจ้าขึ้นมาจากเหว นี้คือผลตอบแทนของเจ้าหรือ ข้าจะไปจากเจ้า คนเนรคุณ เจ้าจงหาทางกลับเมืองเจ้าเอง”
แล้วลิงน้อย
ก็หายเข้าไปในป่าลึก ทั้งๆ ที่ศีรษะยังมีเลือดไหลอาบอยู่ ชาวนายังคงอิดโรย เดินไปแบบพอทรงตัวได้
เขาเดินมาจนถึงสระน้ำ เขาก็หมายจะอาบน้ำและดื่ม แต่พอลงไปในสระน้ำแล้ว ร่างของเขา ก็เต็มไปด้วยขี้เรื้อนน่าเกลียดน่ากลัว
ไม่ต่างจากอสูรกาย เขาเดินไปเรื่อยๆ จนพ้นป่าด้วยสภาพอัปลักษณ์เช่นนั้น
ชาวเมืองเห็นก็พากันกลัว เพราะคิดว่าเป็นอมนุษย์ ชาวนาต้องพเนจรไปเรื่อย จนถึงพระอุทยานหลวง
พระราชาประพาสพระอุทยานพอดี ได้ทอดพระเนตรชาวนา ยังเข้าพระทัยว่าเป็นปีศาจ
“ในสวนของเรามีปีศาจอยู่ด้วยหรือนี้” ชาวนาได้ยินดังนั้นจึงรีบทูลว่า
“หาใช่เช่นที่พระองค์ตรัสพระเจ้าค่ะ
ข้าเป็นชาวเมืองของพระองค์ แต่ที่มีสภาพไม่ต่างจากเปรตอสูรกาย เพราะข้าได้เนรคุณลิงน้อยในป่านั้น
ทั้งที่มันเป็นผู้มีพระคุณ ช่วยข้าพเจ้าขึ้นมาจากเหว ข้าพยายามจะฆ่ามัน เพื่อประทังความหิวที่อดข้าวมานานหลายวัน
เหตุนี้รูปร่างของข้า จึงอัปลักษณ์เช่นนี้”
ชาวนากล่าวจบก็สิ้นใจด้วยความหิว
เนื่องจากตั้งแต่ออกจากป่ามา ก็ไม่กินอะไรเลย แถมยังถูกผู้คนรังเกียจ เพราะมีรูปร่างที่น่ากลัวอีกด้วย
เมื่อคุณต้องเจอกับคน “เนรคุณ” ขอให้คลิปนี้เป็นทางออกให้
ถ้าจะทำอะไรให้ใคร ท่องไว้เลยครับ “อย่าหวังผลตอบแทน” แล้วจะมีความสุขกับการให้ ไม่ว่าจะให้ไปในวงกว้าง
หรือให้เฉพาะบุคคล เพราะคุณจำเป็นต้องให้อะไรดีๆ กับใครสักร้อยคน ถึงจะมีหนึ่งคนที่เขาจำคุณได้ว่า
เคยมีบุญคุณกับเขา
และอาจต้องให้เป็นพันหรือหลายพันคน ถึงจะมีสักคน ที่อยากตอบแทนบุญคุณคุณอย่างเหลือเกินธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างนี้
ถ้าทำดีกับคนๆ เดียว พึงหวังว่า เราจะทำบุญแบบให้เปล่า และอาจคาดหวังไว้แบบเผื่อใจด้วยว่า
คนที่เราดีด้วย วันหนึ่งอาจสนองคุณด้วยการทำร้ายเรา และนั่น อาจเป็นเพราะเรา เคยทำเช่นนั้นมาก่อนโดยไม่รู้ตัว
และจำไม่ได้แล้วตั้งแต่อดีตกาลนานไหน
กรรมที่ลืมบุญคุณคน ก็จะทำให้เป็นผู้ไม่ได้รับความเห็นใจ
ช่วยเหลือในยามลำบาก แต่หากถึงขั้นเนรคุณคนได้ จะต้องโดนโทษหนัก ทำอะไรต่อให้เจริญแค่ไหน
ก็จะกลับตกต่ำอย่างไม่คาดฝัน ธรรมชาติพิเศษของการใช้หนี้บุญคุณ มีอยู่ประการหนึ่งคือ
ยิ่งหนี้สูงแล้วคุณใช้คืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ คุณจะได้คะแนนบวกมหาศาล นี่เป็นหลักการ
สะท้อนให้เห็นว่า ทุกคนเป็นทายาทแห่งกรรมของตน ทุกคนจะเป็นผู้รับมรดกที่ตนสร้างทำไว้อย่างเป็นรูปธรรม
บางคนแค่ต้นชีวิต บางคนครึ่งชีวิต บางคนก็ทั้งชีวิต
แต่ต่อให้เป็นเรื่องจริง และเรารู้อยู่กับตัวก็ช่างเถิด มันเป็นของเก่า
เราทำบุญใหม่ก็ได้บุญใหม่ได้ใช้หนี้กรรม ได้ทำให้ใจพัฒนาขึ้น คนอื่นจะเป็นยังไงกับเรามันเรื่องของเขา
กรรมของเขาแล้ว ยิ่งถ้าเรารู้จากประสบการณ์ตรงว่า เจอคนกตัญญูบ้าง เจอคนเนรคุณบ้าง
สลับๆ กัน ครึ่งต่อครึ่ง อันนั้นก็สะท้อนว่า เราเคยเป็นคนธรรมดาที่นึกได้บ้าง
นึกไม่ได้บ้าง ว่าใครเป็นผู้มีพระคุณที่ควรทดแทน เราก็รับกรรมที่สมกันตามธรรมดาแล้ว
ทำดีถึงไม่ได้ดี ก็รู้สึกดีครับ เราได้รางวัลแน่ๆ
จากใจตัวเองอยู่แล้ว มือที่หยิบยื่น ปากที่พูดช่วย ด้วยจิตที่คิดให้ ถ้าไม่สว่างขึ้น
ไม่รู้สึกดีขึ้น ก็ผิดธรรมชาติไปหน่อยล่ะ เล็งแค่นี้พอแล้ว
เรื่องอื่นไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรเลย
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ จากการเนรคุณ ความ
“กตัญญู” นั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกของความดี การ “เนรคุณ” ผู้มีพระคุณ
คือการกระทำที่ชั่วช้าในสังคม อย่าหลงเชื่อคารมใครง่ายเกินไป
คนที่เข้ามาหาคุณมีหลายแบบ ต้องรู้จักแยกให้ออก บ้างก็เรื่องจริง บ้างก็ละครตบตาให้ดูน่าสงสาร
บางครั้งคุณยื่นมือเข้าไปช่วย แทนที่จะได้รับสิ่งดี กลับกลายเป็นความซวย แต่คุณเชื่อเถอะ
ถ้าเขาไม่รู้จักบุญคุณ คนแบบนี้ทำอะไก็ไม่ขึ้น ไม่เจริญ ไม่มีใครที่อยากจะช่วย คนที่ไม่รู้บุญคุณคนหรอก
เพราะต่อให้ทำดีกับคนประเภทนี้ยังไง สุดท้าย ก็ไม่ได้อะไรเลยบาง ครั้งอาจจะสูญเสียมากกว่าที่จะได้รับก็เป็นได้
ชีวิตเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดี เหมือนจะราบรื่นแต่ก็ไปได้ไม่ไกล
ล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่เดิม สุดท้ายก็พังไม่เป็นท่า โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร
ไม่ต้องทวงบุญคุณ ดีที่สุดคือ เลิกคบ โยนออกไปให้ไกลจากชีวิต แตกต่างจากคนที่กตัญญูรู้จักบุญคุณคน
ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน ก็มีแต่คนอ้าแขนรับ พร้อมช่วยเหลือเสมอเพราะคนแบบนี้ มักจะทดแทนบุญคุณแก่ผู้มีพระคุณ
เมื่อมีโอกาส แตกต่างจากพวกชอบเนรคุณคน ที่ไม่คิดจะตอบแทน แถมยังแว้งกัดอีกด้วย
เพราะฉะนั้น ไม่มีใครที่จะยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จได้
หากเป็นคนเนรคุณบุญคุณคนอย่างแน่นอน เพราะคนเราทุกวันนี้ ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ไม่สามารถที่จะดำเนินชีวิตอยู่ได้ ด้วยตัวคนเดียวได้ คนที่รู้จักทดแทนบุญคุณคน
มักจะได้รับโอกาสอยู่เสมอ แตกต่างจากคนเนรคุณ ที่มักจะไม่ได้รับโอกาสใดๆ ทั้งสิ้นในสังคม
คนเราจะอยู่คนเดียวตามลำพังไม่ได้
จำต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน ทั้งในด้านกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังความคิด และอื่นๆ
หากได้รับอุปการะจากผู้ใด ก็เรียกผู้นั้นว่า ผู้มีบุญคุณหรือผู้มีพระคุณ
ผู้ใดช่วยเหลือให้อุปการะแก่เรา ก็ไม่พึงลืมบุญคุณของผู้นั้น
ผู้ไม่ลืมอุปการะที่ผู้อื่นมีแก่ตน ย่อมเป็นผู้เจริญ ด้วยลาภยศสรรเสริญและไมตรี แต่ผู้ใดไม่รู้บุญคุณของผู้อื่น
หรือลบหลู่บุญคุณของผู้มีอุปการะ ผู้นั้นจะเป็นผู้ต่ำต้อย
ทำความดีไม่ขึ้น เป็นคนอาภัพ แม้จะพยายามขวนขวายอย่างไร ก็มักจะล้มเหลวไม่เป็นท่า การลบหลู่บุญคุณของผู้มีพระคุณนี้
เรียกว่าเนรคุณ
การเนรคุณเป็นตัวกาลกิณี
จะคอยดึงให้คนเนรคุณตกต่ำ ไม่มีโอกาส ที่จะมีความสุขได้ในชีวิต
ความวุ่นวายยุ่งยากต่างๆ ที่เกิดอยู่ในขณะนี้ เพราะขาดกตัญญู ขาดความเป็นผู้รู้คุณคนนั้นเอง
แต่ไม่มีสิ่งใด สายเกินแก้
เมื่อคิดได้แล้ว
เปลี่ยนนิสัยตัวเองได้แล้ว ได้ชดใช้ตามสมควรแล้ว ชีวิตก็จะค่อยดีขึ้นตามลำดับ ตามเหตุปัจจัยต่างที่ควรจะเป็น
กตัญญูรู้คุณคนแล้วตอบแทน คือสัญลักษณ์ของคนดีแท้ เพราะฉะนั้น จงอย่าเป็นคนลืมบุญคุณคน
หากใครทำดีกับเรา ก็จงจำเขาเอาไว้ และตอบแทนเขาเมื่อมีโอกาส ให้เหมาะสม กับที่เขาเคยช่วยเหลือเราเอาไว้

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น