[ข่าวลุงพล] สาง ไดอารี่Ep14 ไม่มีหรอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากปากผีสาง


 

สาง ไดอารี่Ep14  ไม่มีหรอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากปากผีสาง

 

  นับว่าเป็นประโยค หรือวลีเด็ดรายวันกันเลยทีเดียว หลังจากเกิดปรากฎการณ์ ที่องค์ปู่ปาริจิตนาคราช ซึ่งทำให้ฝ่ายที่ไม่เห็นดีเห็นงามด้วย ออกมากัดแซะแขวะจิกตามสไตล์ แต่ประโยคที่ผมได้ยินจากคลิปๆ หนึ่ง ทำเอาอึ้งไปชั่วขณะเลยทีเดียว กับประโยคที่ว่า ระหว่างพ่อปู่ปาริจิตกับศาลเนี่ย ศาลน่าจะศักดิ์สิทธิ์กว่าพ่อปู่ปาริจิต เพราะถ้าศาลสั่งให้ทุบ พ่อปู่ปาริจิตก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน


จริงๆ แล้ว เรื่องความเชื่อหรือไม่เชื่อ ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ศักดิ์สิทธิ์ มันขึ้นอยู่ที่จิตภายในใจของแต่ละคน ไม่มีใครไปบังคับใครได้ ความเชื่อหรือความศรัทธา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถตัดสินถูกผิดได้ เพราะบางคนเชื่อเนื่องจากเคยมีประสบการณ์ส่วนตัว ตรงนี้คนนอกคงจะเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้ที่เชื่อ


 คนเรา ต้องอยู่รวมกันจึงจะมีชีวิตรอด แต่การอยู่รวมกันนั้น ไม่ใช่เพียงแต่ต่างคนต่างอยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือใกล้เคียงกันเท่านั้น หากต้องมีความสัมพันธ์กัน ในทางสังคมและเศรษฐกิจจึงจะอยู่ได้ เพราะความสัมพันธ์ทั้งสองอย่างนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้เรามีชีวิตรอด หากยังเกี่ยวเนื่องไปถึง การสืบเนื่องในเผ่าพันธุ์ของเราอีกด้วย


เพราะฉะนั้น ความเป็นสังคมของเราก็คือ การอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ที่มีความสัมพันธ์กันทางเศรษฐกิจและสังคมนั่นเอง แต่เพียงเท่านี้ก็ยังไม่พอ เพราะการที่จะทำให้เราอยู่รวมกัน และมีความสัมพันธ์ต่อกันนั้น จำเป็นต้องอาศัยอำนาจ ที่โน้มนำให้เราสัมพันธ์กันและร่วมมือกัน ในขณะเดียวกันก็ต้องควบคุมความขัดแย้ง ที่จะทำให้การอยู่รวมกันนั้น ล่มสลายหรือแตกแยกด้วย


อำนาจที่ว่านี้มีอยู่สองชนิด คือ อำนาจศักดิ์สิทธิ์และ อำนาจสาธารณ์ อำนาจทั้งสองเป็นของคู่กัน และถ้าหากสังคมของเรา จะดำรงอยู่อย่างราบรื่น การมีอยู่ของอำนาจทั้งสองนี้ ต้องได้ดุลแก่กัน เมื่อใดก็ตาม ที่เกิดภาวการณ์ขาดดุล ของอำนาจทั้งสองอย่างนี้ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของเราก็จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การได้ดุลอีก


 อำนาจศักดิ์สิทธิ์เป็นอำนาจที่มาจากความเชื่อ ในสิ่งนอกเหนือธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เราเชื่อและสมมติขึ้นมา รวมทั้งสยบโดยดุษณี สถาบันทางสังคมที่ธำรงอำนาจนี้ก็คือศาสนา ซึ่งนับเป็นสถาบันสากลของมนุษยชาติ หน้าที่สำคัญของสถาบันนี้ก็คือการจรรโลงศีลธรรม


ส่วนอำนาจสาธารณ์นั้น คืออำนาจที่มาจากตำแหน่ง หน้าที่การงานและเงินตราของเรา ที่ใช้ในการขับเคลื่อนการอยู่รวมกันของเรา ในทางเศรษฐกิจและสังคม อำนาจดังกล่าวนี้คือ สิ่งที่รัฐกระจายไปให้แก่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ และข้าราชการ กับการใช้จ่ายเงินตราของพวกพ่อค้านายทุน ที่แสวงหาผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและการเมือง


สังคมท้องถิ่นของไทยแต่เดิม ดำรงอยู่ได้ด้วยดุลยภาพของอำนาจทั้งสองนี้ ดังเห็นได้จากทุกหน่วยทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นครัวเรือน หมู่บ้าน และท้องถิ่น จะมีความสัมพันธ์กับอำนาจนอกเหนือธรรมชาติ เช่น ผีเรือน ผีบ้าน ผีเมือง เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าที่ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ และหลวงพ่อ หลวงปู่ อะไรต่ออะไรอีกมากมาย


ความเชื่อในอำนาจศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวนี้ แลเห็นจากการชุมนุมของคน ในการประกอบพิธีกรรมร่วมกัน การยอมรับจารีตและขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนกฎข้อห้ามเดียวกัน และที่สำคัญ มีการสร้างสำนึกในท้องถิ่นเดียวกัน ซึ่งก็เห็นได้จากตำนาน ที่บอกความเป็นมาของท้องถิ่น สถานที่ และผู้คน อันเป็นเรื่องที่ผู้นำทางปัญญาของท้องถิ่นสร้างขึ้น และคนในชุมชนท้องถิ่นยอมรับ


ตำนานดังกล่าวนี้แหละ คือสิ่งที่ยืนยัน และเชื่อมโยงอำนาจศักดิ์สิทธิ์เข้ากับพิธีกรรม การรับรู้ และความเชื่อของผู้คนในท้องถิ่น ตำนานดังกล่าวนี้อีกเช่นกัน ที่เป็นแก่นแท้ ของสิ่งที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เพราะเป็นอดีต ที่ชาวบ้านในท้องถิ่นร่วมกันสร้างขึ้นมา


ความต่างกันระหว่างอำนาจศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจสาธารณ์ในท้องถิ่นนั้น อย่างแรกคืออำนาจศักดิ์สิทธิ์ จะมีศูนย์รวมอยู่ที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น ศาลผี ต้นไม้ใหญ่ ภูเขา วังวนในแม่น้ำ หรือพระสถูปเจดีย์ รวมไปถึงพื้นที่ ซึ่งใช้ในการประกอบพิธีกรรมด้วย ในขณะที่อย่างหลัง คืออำนาจสาธารณ์นั้น อยู่ที่ตัวบุคคล ที่มีสถานภาพและตำแหน่งในสังคม


แต่เดิม อำนาจทั้งสองอย่างเกื้อกูลกันและกัน อันมีผลทำให้เกิดความราบรื่นและปลอดภัย กับการอยู่ร่วมกันของผู้คนในท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น ต่อหน้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นพระมหาธาตุเจดีย์ ในทางพระพุทธศาสนา หรือศาลผี ศาลเจ้า ต้นไม้ใหญ่ อันเป็นที่สถิตของรุกขเทวดา บุคคลที่มีสถานภาพ อำนาจทางสังคมและคนอื่นๆ ที่เป็นคนธรรมดา จะมีฐานะเท่าเทียมกันหมด และมีการปฏิบัติต่อกันอย่างมีภราดรภาพ คนที่มีอำนาจทางสังคมและเศรษฐกิจ ถ้าจะให้เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป ก็ต้องประพฤติอยู่ในกรอบของขนบธรรมเนียมประเพณี ตลอดจนคุณธรรมที่ควบคุมโดยอำนาจศักดิ์สิทธิ์


เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้ใช้อำนาจทางสังคม หรืออำนาจสาธารณ์เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร และเป็นประโยชน์ต่อคนในสังคมท้องถิ่น ที่เห็นได้ชัดก็คือ เรื่องการใช้พื้นที่สาธารณะ


ในท้องถิ่นหนึ่งๆ ซึ่งมีชุมชนใหญ่น้อยอยู่รวมกันนั้น ไม่ว่าจะเป็นชุมชนบ้านหรือเมือง ก็จะมีพื้นที่ ซึ่งไม่เป็นของใครหลายๆ อย่าง อาทิเช่น พื้นที่ซึ่งเป็นแม่น้ำลำคลอง หนองบึง ทุ่ง ป่า และเขา สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น วัด เจดีย์ ศาลเจ้า ศาลผี ป่าช้าต่างๆ ก็รวมอยู่ในพื้นที่ประเภทนี้ด้วย เพราะเป็นพื้นที่ ซึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ มีอำนาจนอกเหนือธรรมชาติดูแลอยู่


ในขณะเดียวกัน พื้นที่เหล่านี้ก็เป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจ ที่คนทุกคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะคนด้อยโอกาสและยากไร้ ที่ไม่มีทำกิน ได้อาศัยพึ่งพาเก็บพืชพันธุ์ และตกปลาล่าสัตว์ตามฤดูกาลมายังชีพ ทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน


เพราะความเชื่อของคนเรา ต่างที่ ต่างถิ่น เชื่อไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราจะสามารถดำรงชีวิตอยู่รวมกันได้ นั่นก็คือ การไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นั่นหมายรวมไปถึง ไม่ก้าวก่ายความเชื่อ ความศรัทธาของกันและกัน ถ้าคุณไม่เชื่อ ในสิ่งที่คนอื่นเชื่อ คุณก็ควรจะนิ่งเงียบไปเสีย ไม่ใช่เทียวเอาความเชื่อความศรัทธาของคนอื่น มาหยอกล้อเล่นเห็นเป็นเรื่องตลก มันไม่เท่นะครับ



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

บอกใจไว้รอเจ็บ แท้งก่อนเกิด หลังพับเก็บความคิดฝันเข้าแฟ้มไปแล้ว

ศาลาการเปรียญไม้ทรงโบราณ ที่อำเภอเสาไห้