ฟาร์มแพะ แห่งสถานบันเทิง
ฟาร์มแพะแห่งสถานบันเทิง
ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณ สำหรับคำแนะนำ
เกี่ยวกับการทำคอนเทนต์ ที่พี่ๆ ได้อุตส่าห์แนะนำ หรือยกหลายๆ ช่องมาเทียบเคียง
ไม่อาจย้อนแย้งใดๆ นอกจากคำขอบคุณจากใจครับ จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม
และจะพยายามศึกษาแนวทางจากช่องของพี่ๆ เขาครับ
หยิบบทความที่น่าสนใจ จากเพจ
สถานบันเทิงมาถ่ายทอดให้ฟัง ผิดพลาดประการใด ต้องกราบขออภัย
และน้อมรับแต่เพียงผู้เดียว ไว้ ณ ที่นี้ครับ
ประเด็น “การจับผิดตัว”
ในสังคมไทย มักจะคุ้นเคยกับคำว่า “การจับแพะ” แทนเสียมากกว่า
เนื่องจากบ่อยครั้ง ที่เกิดปรากฏการณ์ขุ่นข้องหมองใจของประชาชน ต่อการอำนวยความยุติธรรม
คำว่า “จับแพะ” มักจะเป็นถ้อยคำในการกล่าวหา โจมตีองคาพยพ(ส่วนน้อยและใหญ่) ในกระบวนการยุติธรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งแน่นอนว่า เป็นผลอันเกิดจากความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรม ที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษผู้บริสุทธิ์อย่างน่ากังขา
และกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างในสังคม โดยความผิดพลาดดังกล่าวนั้น
อาจมีที่มาเนื่องจากช่องโหว่ ในกระบวนการยุติธรรม ที่เริ่มตั้งแต่กระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ที่ส่วนใหญ่ถูกเร่งรัด โดยนโยบายและความกดดัน ทั้งจากผู้บังคับบัญชาและกระแสในสังคม
จึงทำให้ต้องรีบเร่งปิดคดีอย่างรวดเร็ว จนขาดความรอบคอบ/รัดกุม
หรือความล่าช้าในการสืบสวนคดี จนเวลาล่วงเลยจนใกล้จะครบวาระระเบียบปฏิบัติ
อันนำไปสู่ความผิดพลาดในการสอบหลักฐานในชั้นอัยการ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบความสมบูรณ์
และความแม่นยำของระบบการสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง
เนื่องจากแต่ละปี มีคดีอาญาเป็นจำนวนมาก ที่เดินทางเข้าสู่กระบวนการพิจารณา
ส่งผลให้ไม่สามารถกลั่นกรองได้อย่างถี่ถ้วน อีกทั้งด้วยสภาพการณ์ที่มองว่า พอไปได้และไม่มีอะไรน่าสงสัย
จึงรีบเร่งส่งฟ้องศาล กระทั่งท้ายที่สุด เมื่อคดีวิปริตดังกล่าว ไล่เรียงมาจบที่การพิจารณาคดีของศาล
ที่แม้ว่าศาลจะมีอำนาจเรียกพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง มาสอบเพิ่มเติม
แต่เฉกเช่นเดียวกัน ด้วยปริมาณคดีมีเป็นจำนวนมาก ศาลจึงต้องพิจารณาไปตามหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่าย
กระทั่งเกิดการตัดสินลงโทษผิดตัว สร้างข้อครหาแก่องคาพยพ ในกระบวนการยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง
จวบจนปัจจุบัน
ในคำอธิบาย ของคณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล
(สำนักงานราชบัณฑิตยสภา,๒๕๔๒) ได้อธิบายคำว่า “แพะรับบาป” หมายถึง
ผู้ที่มิได้กระทำผิด แต่กลับต้องเป็นผู้รับโทษ หรือรับความผิดที่ผู้อื่นกระทำไว้
โดยได้เชื่อมโยงที่มาของคำดังกล่าวว่า ปรากฏในคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม
ซึ่งเป็นคัมภีร์ของชาวอิสราเอล ผู้มีภูมิหลังเป็นผู้เลี้ยงแพะ/แกะเป็นอาชีพ
ซึ่งแพะรับบาปนั้น เป็นพิธีปฏิบัติในวันลบบาปประจำปีของชาวอิสราเอล
ที่เริ่มด้วยปุโรหิต ถวายวัวเป็นเครื่องบูชา ไถ่บาปของตนเองและครอบครัว
เมื่อเสร็จพิธีแล้วนั้นปุโรหิตจะนำแพะ ๒ ตัว ไปถวายพระเป็นเจ้าที่ประตูเต็นท์นัดพบ
และจะเป็นผู้จับสลากเลือกแพะดังกล่าว โดยสลากที่ ๑ เป็นสลากสำหรับแพะ ที่ถวายแก่พระเป็นเจ้า
อีกสลากหนึ่งเป็นสลากสำหรับแพะรับบาป หากสลากแรกตกแก่แพะตัวใด
แพะตัวนั้นจะถูกฆ่าและถวายเป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปของประชาชน หรือเรียกว่า “แพะไถ่บาป” ส่วนสลากที่ ๒
หากตกแก่แพะตัวใด แพะตัวนั้นเรียกว่า “แพะรับบาป”
ซึ่งปุโรหิตจะถวายพระเป็นเจ้าทั้งยังมีชีวิตอยู่
แล้วใช้พิธีลบบาปของประชาชน โดยยกบาปให้ตกที่แพะตัวนั้น เสร็จแล้ว ก็จะปล่อยแพะตัวนั้น
ให้นำบาปเข้าไปในป่าลึก จนทั้งแพะและบาปไม่สามารถกลับมาได้อีก
หากมองการจับผิดตัว หรือการจับแพะ
ผ่านมุมมองของอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม จะเห็นได้ว่าแพะหรือผู้ถูกกระทำนั้น ถือเป็นหนึ่งใน
“เหยื่อ” ตามที่นิยามไว้ว่า หมายถึง
บุคคลหรือคณะบุคคลที่ได้รับอันตรายทั้งกายและจิตใจ เสียหายต่อทรัพย์สิน
เสื่อมเสียสิทธิจากการกระทำ หรือละเว้นการกระทำอันเป็นการผิดกฎหมายอาญา
รวมถึงการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และผู้ได้รับผลร้ายนั้นต้องไม่มีส่วนเป็นผู้กระทำผิด
ทั้งนี้ ลักษณะของผู้ตกเป็นเหยื่อคือต้องตกอยู่ในความทุกข์
ได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงได้รับทุกข์ทรมานจากกระบวนการยุติธรรม
การที่เหยื่อได้รับผลร้ายจากกระบวนการยุติธรรมเพราะรัฐล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อผูกมัดที่จะปกป้องประชาชนปลอดภัยจากการกระทำของอาชญากร
ซึ่งเรียกเหยื่อในลักษณะดังกล่าวนี้ว่า “เหยื่อของกระบวนการยุติธรรม”
สำหรับสาเหตุ ของการตกเป็นเหยื่อของกระบวนการยุติธรรม
หรือการจับผิดตัว (จับแพะ) จะนำอธิบายถึงบทบาท ของผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม
อันส่งผลให้เกิดความผิดพลาด ได้ประเด็นที่น่าสนใจ คือ
๑ ในชั้นพนักงานสอบสวน
มีหน้าที่ในการสอบสวนรวบรวมหลักฐานทุกชนิด เท่าที่สามารถจะทำได้
เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่าง ๆ
อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา แต่ทว่า
ในหลายกรณีพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในส่วนของกระบวนการยุติธรรมในชั้นต้น
ยังบกพร่องหรือยังใช้ความพยายามไม่เพียงพอ ทั้ง ๆ
ที่บางกรณีหากมีใช้ความละเอียดรอบคอบหรือความพยายามในการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน
ก็จะสามารถป้องกันมิให้เกิดความผิดพลาดในการทำให้ผู้ที่ไม่ได้ทำความผิดหรือผู้บริสุทธิ์ถูกกล่าวหาทั้ง
ๆ ที่ไม่ได้กระทำความผิดได้
๒ ในชั้นพนักงานอัยการ
มีบทบาทภายหลังจากรับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนแล้ว
พนักงานอัยการอาจมีการสั่งงดการสอบสวน สั่งฟ้อง สั่งไม่ฟ้อง
สั่งให้มีการเปรียบเทียบ หรือพนักงานอัยการอาจสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติม
หรือเรียกพยานมาซักถามด้วยตนเองก่อนสั่ง
เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาคดีอาญาทั่วไปที่พนักงานอัยการไม่ได้มีส่วนร่วมในการรวบรวมพยานหลักฐานตั้งแต่ต้นดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ซึ่งหากมีความบกพร่องหรือความผิดพลาดละเลยของพนักงานสอบสวนที่ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ
ประชาชนที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาและต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอนของพนักงานสอบสวน
ก็จะตกเป็นเหยื่อของการดำเนินการที่บกพร่องนั้น แม้ว่าหลายขั้นตอนในชั้นการสอบสวน
เช่น การออกหมายค้น หมายจับ ที่ต้องดำเนินการผ่านศาลยุติธรรม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า
การที่จะออกหมายได้แม้ต้องผ่านการยื่นคำร้องขอต่อศาล
แต่การรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำเสนอต่อศาลในขั้นตอนก่อนออกหมายนั้นเป็นการดำเนินการของพนักงานสอบสวน
หากพนักงานสอบสวนกระทำโดยบกพร่องหรือละเลยไม่ดำเนินการด้วยความเป็นธรรม
พยานหลักฐานที่ปรากฏต่อศาลอาจไม่สมบูรณ์จนเป็นเหตุให้มีการออกหมายสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้
๓ ในชั้นศาล ในการที่ศาลจะพิพากษาลงโทษนั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้บัญญัติให้ศาลใช้ดุลยพินิจภายใต้บทบัญญัติ
ที่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนั้น
เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่
ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยในคดีอาญา ซึ่งแตกต่างกับคดีแพ่ง
ในคดีแพ่งนั้นศาลจะต้องวินิจฉัยโดยการชั่งน้ำหนักพยานทั้งสองฝ่ายเทียบกันดูว่า
ฝ่ายใดมีเหตุผลและน้ำหนักดีกว่ากัน
ถ้าฝ่ายใดมีน้ำหนักมากกว่าก็ตัดสินให้ฝ่ายนั้นชนะคดีไป
ส่วนในคดีอาญานั้นจะพิจารณาจากหลักฐานของโจทก์จนแน่ใจว่า หากมีการกระทำผิดจริง
จำเลยนั้นจึงจะได้รับการลงโทษ
แต่จะใช้วิธีการชั่งน้ำหนักพยานในรูปแบบเดียวกับคดีแพ่งไม่ได้
๔ ในส่วนของทนายความ แม้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
แต่ทนายความก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อลูกความของตนในฐานะที่ต้องใช้ความพยายามต่อสู้ให้ลูกความได้รับความเป็นธรรม
ทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งให้ต่อสู้คดีให้กับผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้เหตุที่ผู้ที่ถูกกล่าวหาถูกดำเนินคดีจนกระทั่งถูกลงโทษ
ทนายความมักละเลยต่อความรับผิดชอบ เช่น
บางกรณีเมื่อรับค่าจ้างว่าความแล้วกลับไม่ใส่ใจ
ไม่นำพยานหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามากล่าวอ้างในคดีเข้ามาต่อสู้ในคดี
ทำให้การนำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้ในคดีของผู้ถูกกล่าวหาบกพร่อง บางกรณีทนายความเมื่อรับค่าจ้างว่าความมาแล้ว
กลับใช้วิธีการแนะนำง่าย ๆ ให้ผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพเพื่อหวังให้มีการรอการลงโทษ
ซึ่งบางกรณีผู้ถูกกล่าวหาหลงเชื่อตามคำแนะนำ แต่ก็ถูกลงโทษทั้ง ๆ
ที่ตนเองไม่ได้กระทำผิด
ดังนั้นในกรณีการมีหมายจับ นายไชยพล วิภา
จึงยังมิได้ถือว่า นายไชยพล วิภา เป็นแพะตามแนวทางของกระบวนการยุติธรรม
หากแต่ต้องรอจนถึงปลายทางของกระบวนการยุติธรรม
และถูกตัดสินลงโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงกระนั้นเลยความเป็นแพะจะยังไม่ปรากฏจนกว่าจะได้มีการรื้อฟื้นคดีความขึ้นใหม่และพิสูจน์ได้ว่า
นายไชยพล วิภา นั้นเป็นผู้บริสุทธิ์โดยแท้จริง
การรอในลักษณะดังกล่าวจึงเห็นภาพความบอบช้ำอย่างชัดเจนและจะได้รับการเยียวยาในทางกฎหมาย
(อย่างไม่คุ้มค่า)
ดังนั้นแล้วเมื่ออยู่ในขั้นตอนระหว่างทางในกระบวนการยุติธรรมจึงกล่าวมิได้เลยว่า
นายไชยพล วิภา นั้นเป็นแพะ ดังเช่นที่ว่า หากยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า
นายไชยพล วิภา เป็นผู้กระทำผิดจริงตามฟ้อง นายไชยพล วิภา
ยังถือว่าเป็นผู้มีความบริสุทธิ์อยู่ในทางกฎหมาย
เช่นไรก็เช่นนั้น เมื่อกว่าจะแพะหรือไม่แพะนั้น
จำต้องรอภาพอันปรากฏชัดเจน หากแต่ด้วยความทุกข์ร้อนลำเค็ญนั้น รอได้เสียเมื่อไรกัน
เพจสถานบันเทิง จึงมีความปรารถนาอย่างยิ่ง ที่ต้องการให้ทุกๆ ทาง ผ่านในกระบวนการยุติธรรม
จนถึงปลายทางแห่งกระบวนการยุติธรรม เป็นไปด้วยความใสสะอาดด้วยหลักนิติธรรมจากทุกองค์กร
ด้วยความเคารพ เพจสถานบันเทิง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น