คดีลุงพล เหตุผลในข้อสันนิษฐาน
เหตุผลในข้อสันนิษฐาน
คดีที่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีพยานบุคคลที่รู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์
หรือการกระทำใดๆ ของผู้ต้องหา ในขณะอันมีพฤติการณ์ นำ/พา/พราก มีเพียง
พยานแวดล้อมกรณี หมายถึง พยานหลักฐานที่มุ่งพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งมิได้เป็นประเด็นพิพาทในคดีโดยตรง
หากแต่พิสูจน์ข้อเท็จจริงอื่นที่บ่งชี้ว่า ข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นข้อพิพาท น่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
และ "ความน่าจะ" นี้เอง ซึ่งก็อาจแสดงถึงความไม่ชัดเจนได้
ด้วยเหตุแห่งการพบปะพูดคุยในช่วงเวลาหนึ่งๆ ยังไม่สามารถบ่งบอกถึงความผิดนั้นได้
จากการสืบสวนสอบสวน ที่มีการสัมภาษณ์พยานบุคคลถึง
๓๘๔ ปาก และ/หรือ อาจนำลงบรรจุในสำนวนเพียง ๑๒๐ ปากก็ตาม ถือได้ว่ามีพยานบุคคลจำนวนมาก
หากแต่ความที่มีจำนวนมาก ก็มิได้พบประจักษ์พยานแม้สักเพียงปากหนึ่ง
ต้องยอมรับถึงความเป็นจริงว่า
หมู่บ้านที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่โตนัก ประกอบกับสถานที่ที่เด็กหายตัวไปนั้น
ก็มิได้เป็นสถานที่ปิดลับ ทั้งยังอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีบ้านเรือนติดกันหลายหลัง
ซึ่งในการนี้ตัวผู้ต้องหาเอง ก็เป็นที่รู้จักของผู้คนในชุมชนเป็นอย่างดี
หากมีกรณีการ นำ/พา/พราก โดยการกระทำของผู้ต้องหาจริง จึงเป็นการยากที่จะเล็ดลอดสายตาของผู้คนในชุมชนไปได้
ลักษณะการกระทำ เป็นการกระทำแก่เด็ก ซึ่งข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ในส่วนที่ว่า
เด็กไม่ยอมให้บุคคลอื่นที่ไม่รู้จักอุ้ม/จับต้องร่างกาย
คงมีเพียงบุคคลที่สนิทสนมคุ้นชินเท่านั้น ที่จะสามารถอุ้ม/จับต้อง/นำพาไปได้ โดยไม่มีการต่อต้านหรือส่งเสียงร้อง
ซึ่งอาจแสดงได้ว่าข้อสันนิษฐานนี้เป็นการมุ่งเป้า
โดยมีเป้าหมายชัดเจนของกลุ่มบุคคล ที่จะกระทำการนี้
และเมื่อข้อสันนิษฐานนี้ถูกนำใช้ เป้าประสงค์ในกลุ่มบุคคลจึงแคบลง และอาจทำให้การสืบสวนในบุคคลกลุ่มอื่น
โดยวิธีการอื่นๆ นั้น ยุติลงด้วย และภายหลังจากการนำข้อสันนิษฐานนี้ นำใช้จุดเริ่มต้นการเพ่งเล็ง
ความผิดจึงมีมายังผู้ต้องหา ตามข้อสันนิษฐานนั้น จึงนำมาด้วยการค้นบ้าน-รถ
ของผู้ต้องหาตามมา ความน่าจะเป็นในทางอื่น จึงหายไปจากการสืบสวนสอบสวน
ดังจะเห็นได้ว่า ที่เคยมีผู้ต้องสงสัยจำนวนมากในช่วงแรก
และหายไปจากการสืบสวนสอบสวนในที่สุด และด้วยระยะเวลาอันยาวนาน ในการสืบสวนสอบสวน ตามที่ปรากฏนี้เอง
จึงทำให้คิดและสงสัยในการตั้งข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ได้ว่า อาจเป็นการสืบสวน โดยมีเป้าประสงค์ในตัวบุคคลโดยง่ายหรือไม่
ในคดีที่มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมากนี้
ต้องยอมรับในทางตรงคือ ผู้ให้ความสนใจจำนวนมากมีความอดทนรอด้วยใจจดจ่อ ซึ่งดูเหมือนแทบจะรอกันไม่ไหว
จึงได้พบเห็นการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
ด้วยหลายภาคส่วนก็ประสงค์จะทราบถึงปริศนาการ "เสียชีวิต" ของ ด.ญ.อรวรรณ
วงศ์ศรีชา ซึ่งแม้จะมีผู้ต้องหาแล้ว ก็ยังคงเป็นปริศนาที่หลายๆ คนสงสัย
หลายคนอยากรู้ถึงการเสียชีวิตเกิดขึ้นได้อย่างไร นำไปซ่อน ปล่อยทิ้งจนตาย
และนำศพขึ้นไปอำพรางบนเขาที่สูงขึ้นไปอีก มีคำตอบหรือไม่ว่า
ผู้ต้องหากระทำด้วยแรงจูงใจใด มีคำตอบอันเป็นข้อสันนิษฐานก็ได้ ว่าแรงจูงใจคือประการใด
หากจำกันได้ช่วงที่คดีเกิดขึ้นใหม่ๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจต่างพยายามค้นหาทุกคำตอบ ทุกข้อสงสัย แต่สุดท้ายก็ไม่มีคำตอบ
เพราะพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุเหลือน้อยเต็มที
ไม่มีการกั้นพื้นที่เกิดเหตุไว้ตรวจสอบ และมีคนจำนวนมากขึ้นไปบนภูเหล็กไฟ
แม้ช่วงแรกๆ เจ้าหน้าที่โดย ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
จะมั่นใจว่ามีคำตอบ มีคำอธิบายทางคดีให้คลายข้อสงสัย คลายข้อข้องใจ สุดท้าย เมื่อได้ตัวผู้ต้องหาแล้ว
ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดอะไรถึงสาเหตุการเสียชีวิต ของอรวรรณได้ในที่สุด คงยังมีเพียงข้อสันนิษฐาน
๑ ปี ๒ เดือน ๒๓ วัน ยังส่งสำนวนการสืบสวนสอบสวน ให้อัยการพิจารณาสอบสวน
เพื่อส่งฟ้องผู้ต้องหาไม่ได้ ยังมีเพียงข้อสันนิษฐานอยู่ฤๅ
ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม เพจสถานบันเทิง
จึงมีข้อสงสัย ภายใต้ข้อสันนิษฐานในการทำงานอย่างเลี่ยงมิได้
ด้วยความเคารพ เพจสถานบันเทิง

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น