อิจฉาอย่างยั่งยืน


 

อิจฉาอย่างยั่งยืน

 

            แว๊บไปเห็นหลายๆ โพสต์ ที่โจมตีผลิตภัณฑ์ลุงพล ก็ให้นึกสังเวชใจ หลากหลายถ้อยคำ ที่อ่านแล้ว แทบไม่น่าเชื่อว่า นี่คือความคิดของความเป็นคน ไม่ชอบ ก็ไม่น่าจะมาตอกย้ำซ้ำเติมกันขนาดนั้น ทั้งที่ลุงเอง ก็ไม่เคยไประราน หรือไปข้องแวะกับพวกคุณ ต่างคนต่างทำมาหากิน แต่ทำไมพวกคุณ ถึงยังให้ความอิจฉาริษยานำทางใจอยู่อย่างนี้



การอยู่ให้เป็นสุข ด้วยบุญแห่งตนเอง แล้วปรารถนาให้สุขนั้น มีแก่ผู้อื่น เขาเรียกว่า "เมตตา" เห็นผู้อื่นเดือดร้อนแล้ว ไม่ดูดาย ขยับมือไม้เข้าช่วย เรียกว่า "กรุณา" เมื่อเมตตาและกรุณาเต็มเปี่ยมแล้ว ก็จะรู้จักมีใจยินดี เวลาเห็นใครได้ดี หรือทำดีในทางชอบ เรียกว่า "มุทิตา" นั่นสิครับ ทำไมพวกคุณ ไม่เลือกที่จะแสดงความยินดี หรือเลือกที่จะเลื่อนผ่านหละครับ ถ้าในเมื่อไม่ชอบแล้ว



และถ้าศรัทธากรรมวิบาก จำคำของพระพุทธเจ้าได้ขึ้นใจว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แม้เห็นใครตกยากลำบากลำบน แล้วเกินความสามารถที่เราจะช่วยเหลือ ก็ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนอย่างเปล่าประโยชน์ เรียกว่า "อุเบกขา" เช่นเดียวกับการที่พวกคุณ กำลังเผชิญวิบากกรรมทางความคิดนั่นแหละครับ



คนเรา ถ้ามีองค์ทั้ง ๔ ของพรหมวิหารนี้ครบ ก็จะมีใจเป็นสุขอยู่กับตนเอง เกินกว่าจะเกิดความอิจฉาริษยาใครได้



เวลาที่พวกคุณ เปรียบเทียบว่าพวกคุณ มีดีกว่าลุงพล มีค่ากว่าลุงพล แต่พวกคุณ ไม่เคยหันมองดูตัวเองว่า เมื่อมีอะไรที่เหนือกว่าลุงพล แล้วทำไม ตัวเองถึงก้าวไม่พ้นวังวนของลุงพลซักที



ถ้าหากวันหนึ่งข้างหน้า พวกคุณเกิดความรู้สึก เหมือนกับตัวลีบเป็นลูกหนูขึ้นมา รู้สึกว่าจิตใจมันหดแคบ รู้สึกว่าตัวเล็กลง ก็ขอให้ รับรู้ตามจริงว่า อาการตัวเล็กลง หน้าตามันเป็นแบบนี้ อาการเหมือนกับ อยู่ๆ ตัวตนแบบที่มีมโนภาพแบบเดิมๆ ของพวกคุณ มันเปลี่ยนเป็นตัวตนที่หดแคบลงมา เตี้ยลงมา ลองดูตรงนั้นให้เป็น ดูว่ามโนภาพที่หดแคบเข้ามานี้ มันให้ความ รู้สึกอย่างไร



ถ้าหากเห็นชัดแล้วว่า มโนภาพนั้น ให้ความรู้สึกหดลงมา เตี้ยลงมา สั้นลงมา แคบลงมาอย่างไร ให้รอดูต่อไปว่า ตัวตนหรือมโนภาพแบบนั้น มันอยู่ ตลอดไปหรือเปล่า



พวกคุณจะพบว่า พอหันไปทางอื่น พอหายใจอีกสัก ๒-๓ ครั้ง หรือพอพูดเรื่องอื่นกับคนอื่นแค่ไม่กี่ประโยค ตัวตนแบบเดิมๆ มันจะพองฟูกลับคืนรูปขึ้นมาใหม่ ตัวตนที่มันเตี้ยๆ ที่มันแคบๆ ที่มันสั้นๆ ที่มันหดหู่ มันก็กลับฟื้นคืนได้



นี่จะเห็นความ ไม่เที่ยงของตัวตนแบบต่างๆ ตัวเล็กบ้าง ตัวใหญ่บ้าง ตัวธรรมดาบ้าง การยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวเราที่เล็กกว่าเขา หรือใหญ่กว่าเขา หรือปกติธรรมดานี่ มันจะค่อยๆ หายไปจากใจนะ



ความขี้อิจฉาของคนอื่นนั้น เปรียบไปเหมือนคลื่นความร้อนภายนอก ที่ควบคุมยาก คิดถึงความร้อนแรงของแดด ที่ตามเข้ามารบกวนเราได้ถึงในบ้าน บ้านเราก็จำเป็นต้องมี เครื่องป้องกันความร้อน เช่น ม่าน มู่ลี่ ฟิล์มกันแสง ตลอดจนพัดลมและแอร์ เมื่อเราเย็นได้ ความร้อนภายนอกก็เก้อเปล่า และเราก็จะเลิกสนใจกับความร้อน หรือกระทั่งลืมความร้อนภายนอก และรับรู้แต่ความเย็นในบ้านของตัวเอง



ความริษยาหรือความคิดร้าย อันเป็นภายนอกนั้น เป็นโรคร้ายที่เจ้าตัวรับเข้ามาเอง เป็นทุกข์กับตัวเอง ปมปัญหามาจาก วิธีมองและ วิธีคิด พวกคุณ เอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความคิด และมุมมองของคนอื่นได้ยาก เว้นแต่คนที่พวกคุณริษยานั้น จะพอมีความผูกพันในทางดีกับพวกคุณอยู่บ้าง อันนี้ก็พอเป็นไปได้ว่า จะชวนกันทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ



ในทางดีให้รู้สึกดีต่อกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นมาทั้งชีวิต ความริษยาเป็นคล้ายความป่วยไข้ ที่ทำให้เห็นอะไรวิปริตผิดเพี้ยนได้หมด แสดงความหวังดีก็นึกว่าแกล้ง ชวนไปทำบุญก็นึกว่าเห็นเขาเป็นคนบาปต้องมาคอยรับการนำบุญจากใคร



สรุปลงเอยดีที่สุดจึงต้องเป็นว่า ต้อง เย็นเป็นและ วางเฉยได้เป็นหลัก อย่าให้ความอิจฉา อยู่เหนือการควบคุมของพวกคุณอีกเลย มันยาก และร้อนกว่าแสงแดดอีกนะ



แต่ก็อย่างว่าอีกนั่นแหละ ความอิจฉา ที่มันก่อตัว จนฝังรากลึกในจิตใจของพวกคุณแล้ว มันยากที่จะสลัดทิ้งไปได้ เพราะอะไรนะหรือครับ ก็เพราะว่า ความอิจฉาที่มีอยู่ในตัวตนของพวกคุณ มันคือความอิจฉาที่ยั่งยืน ที่เกาะกุมอยู่ในจิตใจของพวกคุณไงหละครับ


ความอิจฉา คดีชมพู่ล่าสุด ข่าวด่วนล่าสุด ลุงพลป้าแต๋น ขี้เมี่ยงชาแนล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดินแดนล้านนา เมืองเชียงใหม่

(ชาติพันธุ์) ลาวทรงดํา ไทยทรงดํา ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง

มาชู ปิกชู ประเทศเปรู เมืองสาบสูญแห่งอินคา