[ข่าวลุงพล] บุคคลที่ไม่รู้ตัวตนของตัวเอง
แม้เรื่องราวเนิ่นนานผ่านขวบปี กระทั่งมีหมายจับ เพื่อนำเรื่องราวแห่งคดี
เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล แต่สิ่งหนึ่ง ที่ยังไม่จางหายไปจากโลกออนไลน์ นั่นก็คือ
การนินทา ว่าร้ายให้ลุงพล แบบไม่ย่นย่อ ไม่ท้อแท้ ขอแค่ตื่นขึ้นมา ได้โพสต์ด่า
แค่นั่นแหละ ก็เหมือนได้ปลดปล่อย ระบายความเสื่อมถอยของจิตใจตัวเองแล้ว
เท่าที่ผมสังเกต ติดตามพฤติการณ์ของพวกเขาเหล่านั้น
บางคน ด่าตามกระแสสังคม บางคน จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่กูขอด่าไว้ก่อน
เหมือนพวกจิตหลอน หวาดระแวง
หลายๆ โพสต์
บอกว่าลุงพลดิ้น หลายๆ โพสต์ เรียกลุงพลว่า ไอ้ฆาตกร ซึ่งแน่นอนว่า บุคคลเหล่านั้น
ล้วนแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม 2563
แต่ทำเหมือนกับว่า ตัวเองอยู่ในเหตุการณ์เสียอย่างนั้นแหละ
คนที่อยู่ในเหตุการณ์แท้ๆ
อย่างเช่น คนๆ หนึ่งที่เคยบอกว่า ในวันที่ 11 พ.ค. 2563
วันที่น้องชมพู่หายตัวไป เขาอยู่กับลุงพลทั้งวัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายตัวไป
เขาก็อยู่กับลุงพล ซึ่งเขาเคยยืนยันว่า เขาพร้อมไปเป็นพยานให้ลุงพล
และมั่นใจว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ นี่แหละ คือคนที่อยู่ในเหตุการณ์
คำพูดและการกระทำในครั้งแรก นั่นคือกิริยาอาการที่บริสุทธิ์
ขาดไร้ซึ่งความปรุงแต่ง แน่นอนสำหรับคดีนี้
ต้องมีใครฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่โกหก
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แทบจะในทุกสังคม
ที่เรามักจะต้องพบเจอคนที่ดี และไม่ดีคละเคล้าปะปนกันไป แต่คนประเภทหนึ่งที่คิดว่า
ใครหลายคนเจอแล้วคงอยากลี้หนีไปให้ไกล นั่นคือ กลุ่มคนที่วันๆ ไม่ทำอะไร
ซ้ำยังคอยเยาะเย้ยถากถางดูถูกผู้อื่นอยู่เป็นประจำ เฉกเช่นที่ลุงพลพบเจอในแต่ละวัน
แม้ว่าคนจำพวกนี้ จะมีความสุขในการได้ข่ม และนำปมด้อยของคนอื่น
มาสร้างความบันเทิงเริงใจให้ตนเอง แต่ในอีกมุมหนึ่ง คนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ก็มีความเสี่ยง
ที่จะป่วยเป็นโรคจิตเสื่อมเร็วกว่าใคร
ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นฟินแลนด์ เผยว่า
ผู้ที่ชอบพูดจาถากถางดูถูกเสียดสีคนอื่นๆ มีแนวโน้มสูงมาก ที่จะป่วยเป็นโรคจิตเสื่อม
แถมยังมีโอกาสที่จะเสียชีวิต และมีสุขภาพย่ำแย่กว่าคนปกติทั่วๆ ไป ถึง 2.54 เท่าตัว
นักจิตวิทยาที่ทำงานวิจัยดังกล่าว ระบุอีกว่า
คนที่ชอบถากถางและเย้ยหยันคนอื่น มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้วางใจใคร ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอารมณ์โกรธขึ้นบ่อยครั้ง
และพัฒนาไปสู่อาการทางจิตในที่สุด
นอกจากนี้ คนที่ชอบถากถางผู้อื่น
มักจะไม่เชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูด และมักจะมองว่า คนอื่นๆ เป็นคนเห็นแก่ตัว
ทำเพื่อประโยชน์ตัวเองฝ่ายเดียว มากกว่าจะทำเพื่อส่วนรวม
หากเราสังเกตดีๆ จะพบว่า ผู้ที่เข้าข่ายพฤติกรรมเหล่านี้
วันทั้งวัน เขาแทบจะไม่ทำอะไร คอยแต่จะปลุกปั่น Fc ตัวเอง นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแขวะ ตอแหลไปวันๆ ลุงพลอย่างนี้
ลุงพลอย่างนั้น ราวกับตัวเองอยู่ในเหตุการณ์วันที่เกิดเรื่อง
อาจโดยที่เขาไม่รู้ตัวว่า สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ นอกจากจะไม่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้คนอื่นแล้ว
ก็ยังเป็นภัยกับสุขภาพจิตของตัวเองอีกด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น