[ย้อนรอยประวัติศาสตร์] จังหวัดพระตะบอง 1 ใน 4 จังหวัด ของประเทศไทย ที่ได้คืนจากฝรั่งเศส
จังหวัดพระตะบอง
พระตะบอง หรือ บัตฎ็อมบอง (เขมร: បាត់ដំបង แปลว่า "ตะบองหาย")
เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศกัมพูชา อยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศ
มีเขตติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว และจันทบุรี ประเทศไทย
พื้นที่นี้อดีตเคยเป็นจังหวัดพระตะบองในมณฑลบูรพาของสยาม
ประวัติศาสตร์ยุคต้น
ชื่อของพระตะบองในภาษาเขมรคือ บัตฎ็อมบอง แปลว่ากระบองหาย
มีที่มาจากนิทานพื้นบ้านว่าในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จสินธพอมรินทร์เป็นกษัตริย์
โหรได้ทำนายว่าเชื้อสายของราชวงศ์เก่าจะได้ครองราชย์สมบัติสืบต่อจากพระองค์
พระองค์จึงให้ทหารฆ่าเชื้อสายราชวงศ์เก่าให้หมด
มีเพียงกุมารองค์เดียวที่ตากุเหเอาไปเลี้ยงไว้ ที่รอดชีวิตได้
ตากุเหพากุมารไปต้อนโคด้วยแล้วทำกระบองหายไปในลำห้วย หาเท่าใดก็ไม่พบ
ที่ที่กระบองหายจึงเรียก "บัตฎ็อมบอง" ต่อมา
กุมารนั้นได้ครองราชย์ที่พระนครหลวง มีนามว่าพระบาทสมเด็จพระกมรแดงอัญ
พระตะบองเป็นหัวเมืองที่มีความสัมพันธ์กับสยามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
มีบทบาทสำคัญเมื่อกษัตริย์กัมพูชายกทัพมาตีสยาม
ซึ่งจะเดินทัพทางบกผ่านมาทางพระตะบอง ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เมื่อยกทัพไปตีกรุงละแวก ก็ได้ยึดพระตะบองไว้ด้วย ใน พ.ศ. 2312
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกทัพไปตีเสียมราฐและพระตะบองและจัดให้อยู่ภายใต้การปกครองของไทยโดยตรง
ในสมัยรัชกาลที่ 1 หลังจากที่สถาปนานักองค์เองขึ้นเป็นกษัตริย์กัมพูชาแล้ว
ได้ให้เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน - ต้นสกุลอภัยวงศ์)
ปกครองพระตะบองขึ้นตรงต่อกรุงเทพ]และมีเจ้าเมืองในสกุลอภัยวงศ์สืบทอดต่อมาอีก 5 คน
จนพระตะบองกลายเป็นส่วนหนึ่งของอินโดจีนฝรั่งเศส
ในสมัยนักองค์จันทร์ เวียดนามพยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในกัมพูชา
ขุนนางกัมพูชาที่นิยมไทยได้ลี้ภัยมายังพระตะบองและพาพระอนุชาของนักองค์จันทร์
คือนักองค์สงวน นักองค์อิ่ม และนักองค์ด้วงมาด้วย หลังจากที่นักองค์ด้วงได้ครองราชย์สมบัติในกัมพูชา
พระตะบองยังคงอยู่ใต้อำนาจของไทย
หลังจากที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครองกัมพูชาและบังคับให้สยามยอมรับว่ากัมพูชาเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสก็ยังยอมรับอำนาจของสยามเหนือเสียมราฐ พระตะบองและศรีโสภณ ปัจจุบันคือจังหวัดพระตะบอง
จังหวัดเสียมราฐ จังหวัดบันทายมีชัย และจังหวัดอุดรมีชัย) ที่เรียกว่าเขมรส่วนใน
จนเมื่อสยามมีข้อพิพาทเกี่ยวกับเขตแดนกับฝรั่งเศส
จึงยอมยกเขมรส่วนในให้ฝรั่งเศสแลกกับอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย จังหวัดตราด
และให้ฝรั่งเศสผ่อนคลายสิทธิสภาพนอกอาณาเขตต่อสยาม ตามสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส
ลงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449
หลังจากนั้นในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์
ได้มีพระบรมราชโองการให้แบ่งเขตการปกครองของเมืองพระตะบองออกเป็น 3 จังหวัด
ได้แก่ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดเสียมราฐ และจังหวัดศรีโสภณ ต่อมาจึงแบ่งเขตการปกครองใหม่อีกครั้งในปี
พ.ศ. 2468 เป็น 2 เขต คือ จังหวัดพระตะบองและจังหวัดเสียมราฐ
โดยจังหวัดพระตะบองมีเมือง (อำเภอ) ในความปกครอง 2 เมือง คือ เมืองพระตะบองกับเมืองศรีโสภณ ถึงปี
พ.ศ. 2483 จังหวัดพระตะบองก็มีเมืองในความปกครองเพิ่มขึ้นเป็น 7 เมือง คือ
เมืองพระตะบอง เมืองสังแก เมืองระสือ (โมงฤๅษี) เมืองตึกโช เมืองมงคลบุรี
เมืองศรีโสภณ และเมือง Bei Thbaung (เปตะบอง)
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
ในปี พ.ศ. 2484 หลังสิ้นสุดกรณีพิพาทอินโดจีนไทย-ฝรั่งเศส
ไทยได้ดินแดนส่วนที่เรียกว่าเขมรส่วนในและลาวฝั่งขวาของแม่น้ำโขงคืน
จึงได้ประกาศจัดตั้งจังหวัดขึ้นใหม่ในดินแดนเหล่านี้ 4 จังหวัดคือ
จังหวัดพระตะบอง, จังหวัดพิบูลสงคราม, จังหวัดนครจัมปาศักดิ์ และจังหวัดลานช้าง
เฉพาะจังหวัดพระตะบองนั้นเมื่อแรกตั้งจังหวัดนั้น ได้แบ่งการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ
ตามประกาศเรื่องตั้งอำเภอ ลงวันที่ 23 กรกฎาคม พุทธศักราช 2484 ดังนี้
อำเภอเมืองพระตะบอง
ตามเขตอำเภอพระตะบองเดิม
อำเภอพรหมโยธี
ตามเขตอำเภอสังแกเดิม ตั้งชื่อตามพันเอก หลวงพรหมโยธี (มังกร พรหมโยธี
ยศสุดท้ายเป็นที่พลเอก)
อำเภออธึกเทวเดช
ตามเขตอำเภอระสือเดิม ตั้งชื่อตามพลอากาศโท หลวงอธึกเทวเดช (บุญเจียม โกมลมิศร์)
แม่ทัพอากาศสนาม ภายหลังในเดือนเมษายน 2486 ได้เปลี่ยนชื่ออำเภออธึกเทวเดชเป็นอำเภอรณนภากาศ
เนื่องจากแม่ทัพอากาศ/ผู้บัญชาการทหารอากาศ (พลอากาศโท หลวงอธึกเทวเดช)
ได้ลาออกจากตำแหน่ง
อำเภอมงคลบุรี
ตามเขตอำเภอมงคลบุรีเดิม
อำเภอศรีโสภณ
ตามเขตอำเภอศรีโสภณเดิม
อำเภอสินธุสงครามชัย
ตามเขตอำเภอตึกโชเดิม (ภายหลังโอนไปขึ้นกับจังหวัดพิบูลสงคราม)
ตั้งชื่อตามพลเรือตรี หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน
ยศสุดท้ายเป็นที่พลเรือเอก) ผู้บัญชาการทหารเรือและแม่ทัพเรือในขณะนั้น
อำเภอไพลิน
ตามเขตอำเภอไพลินเดิม
อนึ่ง ชื่ออำเภอที่ไทยตั้งขึ้นใหม่ในทั้ง 4
จังหวัดที่ได้คืนมาจากฝรั่งเศสนั้น
ส่วนหนึ่งตั้งชื่อตามบุคคลที่มีบทบาทอย่างสูงในการรบสงครามอินโดจีนในจังหวัดพระตะบอง
มีชื่ออำเภอลักษณะดังกล่าว 3 อำเภอดังกล่าวข้างต้น
ต่อมาทางการไทยได้ปรับปรุงเขตการปกครองจังหวัดพระตะบองเสียใหม่
โดยโอนท้องที่อำเภอศรีโสภณและอำเภอสินธุสงครามชัยไปขึ้นจังหวัดพิบูลสงครามแทนในเดือนธันวาคม
ปีเดียวกัน จังหวัดพระตะบองจึงมีเขตการปกครองตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ.
2484 จนถึง พ.ศ. 2489 รวมทั้งสิ้น 5 อำเภอ คือ อำเภอเมืองพระตะบอง อำเภอพรหมโยธี
อำเภออธึกเทวเดช อำเภอมงคลบุรี และอำเภอไพลิน
ในระหว่างที่จังหวัดนี้อยู่ในการปกครองของประเทศไทย
ได้มีการจัดการเลือกตั้งขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 6 มกราคม พ.ศ. 2489 นายชวลิต
อภัยวงศ์ได้เป็นส.ส. ของจังหวัดพระตะบอง และเมื่อเลือกตั้งเพิ่มเติมเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ.
2489 ได้นายสวาสดิ์ อภัยวงศ์ และพระพิเศษพาณิชย์เป็น
ส.ส.จังหวัดพระตะบองเพิ่มเติม ก่อนจะคืนดินแดนดังกล่าวให้ฝรั่งเศส
สำหรับตราประจำจังหวัดนั้น กรมศิลปากรได้กำหนดให้จังหวัดพระตะบองใช้ตราประจำจังหวัด
เป็นรูปพระยาโคตรตระบองยืนทำท่าจะขว้างตะบอง
ตามตำนานในท้องถิ่นที่เล่าถึงที่มาของชื่อจังหวัด
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงปัจจุบัน
ไทยคืนดินแดนที่ได้มาเหล่านี้รวมทั้งพระตะบองให้ฝรั่งเศสหลังสงครามโลกครั้งที่
2
และพระตะบองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาเมื่อได้รับเอกราช ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2496
ได้มีการจัดตั้งเขตบริหารปอยเปต (Poi Pet
administration) โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองศรีโสภณ
(เมืองนี้ได้ถูกแบ่งเป็น 2 เมืองในปีนั้น คือ
เมืองศรีโสภณและเมืองบันทายฉมาร์) ต่อมาได้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองชื่อว่า เมือง O Chrov (โอ ครอฟ) ในเดือนมีนาคม
พ.ศ. 2508 และในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน
ได้มีการแบ่งเขตการปกครองของเมืองระสือส่วนหนึ่งออกเป็นเขตการปกครองใหม่ คือ
เขตบริหาร Kors Kralor (คอ คลาเลอร์) หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม
พ.ศ. 2509 รัฐบาลกัมพูชาก็ได้ตั้งเมืองถมอปวก (Thmar Pouk) ขึ้นเป็นเมืองในความปกครองของจังหวัดพระตะบอง
และได้แบ่งเมืองบันทายฉมาร์ไปขึ้นกับจังหวัดอุดรมีชัยซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ในปีนั้น
แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาแล้ว
แต่พระตะบองก็ยังมีความห่างเหินจากศูนย์กลางอำนาจที่พนมเปญ ในสมัยระบอบสังคม
พระตะบองเป็นที่ตั้งของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล รวมทั้งกลุ่มคอมมิวนิสต์
การลุกฮือที่สัมลวต พ.ศ. 2510
เป็นการลุกฮือครั้งใหญ่ของประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาล พระนโรดม
สีหนุได้สั่งให้ปราบปรามฝ่ายต่อต้านอย่างรุนแรง ในสมัยการปกครองของเขมรแดง
ได้มีการอพยพประชาชนออกจากเมืองต่าง ๆ ไปอยู่ในชนบทเพื่อขยายผลผลิตทางการเกษตร
จังหวัดพระตะบองกลายเป็นพื้นที่หนึ่งที่ได้ชื่อว่าทุ่งสังหาร
อันเนื่องมาจากการปกครองที่เลวร้ายของเขมรแดง ในยุคนี้
เขมรแดงได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่ในเขตจังหวัดพระตะบองอีก 2 เมือง คือ
เมืองบานันและเมืองโกรส ลอร์ (Kors Lor)
จังหวัดพระตะบองได้รับการปลดปล่อยจากระบอบเขมรแดงในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2522
และได้มีการจัดตั้งคณะกรมการเมืองขึ้นปกครองจังหวัดนี้จนกระทั่งมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี
พ.ศ. 2526 โดยในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 - 2529
จังหวัดพระตะบองมีเมืองในปกครอง 9 เมือง และ 1 เขตการปกครอง ในปี พ.ศ. 2529
ตั้งมีการจัดตั้งเมืองบานัน เมืองโบเวล และเมืองเอกพมนขึ้น
ทำให้จังหวัดพระตะบองมีเมืองในความปกครองรวม 12 เมือง แต่สองปีต่อมา ก็ได้แบ่งเอาเมือง 5
เมืองในความปกครอง ไปจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดบันทายมีชัยหลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2536 พระตะบองยังเป็นที่ตั้งของกองกำลังติดอาวุธฝ่ายเขมรแดงจนกระทั่ง
พล พตเสียชีวิตใน พ.ศ. 2541
ในปี พ.ศ. 2542 หลังจากการสลายตัวของเขมรแดงอย่างแท้จริงแล้ว
ก็ได้มีการแบ่งอาณาเขตของจังหวัดพระตะบองไปจัดตั้งเป็นกรุงไพลิน และในปี พ.ศ. 2543
ก็ได้แบ่งเอาเขตเมืองระสือส่วนหนึ่งจัดตั้งขึ้นเป็นเมืองกะห์กรอลอ
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น